เผยแพร่ |
---|
นางสาวประโลมใจ เนียมแกล้ว รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 18 เปิดเผยว่า สหกรณ์การเกษตรสะบ้าย้อย จำกัด ได้ทำโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิก จำนวน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเลี้ยงโคบ้านไร่ กลุ่มเลี้ยงโคบ้านเกาะยาง-น้ำเชี่ยว และกลุ่มเลี้ยงโคบ้านห้วยบอน โดยได้เริ่มทำโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโค เพื่อเสริมรายได้ให้กับสมาชิก เริ่มแรกจากกกลุ่มสมาชิกสังกัดกลุ่มที่ 4 บ้านไร่ ในปีงบประมาณ 2553 และได้ทำบันทึกข้อตกลงการใช้เงินอุดหนุนโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้กับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2553 เป็นจำนวนเงิน 540,000 บาท ต่อมาในปีงบประมาณ 2554 ก็ได้ทำบันทึกข้อตกลงการใช้เงินอุดหนุนโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนใต้กับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสงขลา โดยจัดสรรให้กับกลุ่มเลี้ยงโค บ้านเกาะยาง-น้ำเชี่ยว เป็นจำนวนเงิน 450,000 บาท และในปีงบประมาณ 2558 ได้ทำบันทึกข้อตกลงการใช้เงินอุดหนุน โครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้กับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสงขลาเพิ่มเป็นจำนวนเงิน 810,000 บาท (งบประมาณปีนี้กลุ่มอาชีพต้องสมทบเงินอีก ร้อยละ 40) ประกอบด้วย กลุ่มเลี้ยงโคบ้านไร่ สมทบจำนวน 43,200 บาท กลุ่มเลี้ยงโคบ้านเกาะยาง-น้ำเชี่ยว สมทบจำนวน 148,800 บาท และกลุ่มเลี้ยงโคบ้านห้วยบอน สมทบจำนวนเงิน 132,000 บาท
สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มเลี้ยงโคบ้านเกาะยาง-น้ำเชี่ยว สมาชิกทั้งหมด 21 คน มีแม่พันธุ์ จำนวน 21 ตัว และให้ลูกตั้งแต่เริ่มโครงการ รวมจำนวน 29 ตัว ได้จำหน่ายแล้ว 20 ตัว เป็นจำนวนทั้งสิ้น 421,000 บาท และได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งได้ทำบันทึกข้อตกลงการใช้เงินอุดหนุนโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2558 เป็นจำนวนเงิน 372,000 บาท และผู้รับการสนับสนุนสมทบอีก 148,800 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 520,800 บาท โดยแบ่งเป็นซื้อพันธุ์วัว จำนวน 369,600 บาท และซื้อเครื่องย่อยวัชพืช จำนวน 151,200 บาท ปัจจุบันมีวัวคงเหลือ 32 ตัว โดยแยกเป็นแม่พันธุ์ จำนวน 15 ตัว ลูกเพศผู้ จำนวน 7 ตัว และลูกเพศเมีย จำนวน 10 ตัว สมาชิกมีรายได้เพิ่มเป็นจำนวน 20,048 บาท/คน/ปี นอกจากนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจะมีรายได้เสริมจากการขายโคขุน ลูกโค และมูลโค ซึ่งจะช่วยลดรายจ่าย และลดต้นทุนในการประกอบอาชีพหลัก เช่น นำมูลโคจากการเลี้ยงมาใช้แทนปุ๋ยในสวนปาล์มน้ำมัน ช่วยลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ย และนำทางใบปาล์มน้ำมันมาใช้เลี้ยงโคขุนของตนเอง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงในเรื่องของค่าอาหารโคได้ (ปาล์มเลี้ยงโค โคเลี้ยงปาล์ม ทั้งปาล์มและโคเลี้ยงคน) ปัจจุบัน สมาชิกบางรายสามารถพัฒนาการเลี้ยงโคขุนจากอาชีพเสริม จนกลายเป็นอาชีพหลักเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้
“ปัจจัยแห่งความสำเร็จของโครงการเกิดจากสหกรณ์เป็นแกนกลางในการปรับเปลี่ยนการประกอบอาชีพของสมาชิก ทำให้สมาชิกมีความศรัทธาในระบบสหกรณ์ว่าสามารถเป็นที่พึ่งพาของตนได้ ทั้งในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ องค์ความรู้ในการพัฒนาและเพิ่มรายได้ การรวบรวมและการขายผลผลิตได้ราคาสูง มีตลาดรองรับ ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกสหกรณ์ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์” นางสาวประโลมใจ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน