รู้จักสายพันธุ์กุ้งขาวแวนนาไมใหม่ ‘เพชรดา 1’ และ ‘ศรีดา 1’ ต้านทานโรคอะไรได้บ้าง

กรมประมง จับมือ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร ศึกษาวิจัยพัฒนาสายพันธุ์กุ้งขาวแวนนาไมสำเร็จ 2 สายพันธุ์ใหม่ “เพชรดา 1” เจริญเติบโตดี และ “ศรีดา 1” ต้านทานโรค EMS-AHPND หวังสร้างทางเลือกให้เกษตรกร ทดแทนการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ต่างประเทศ ยกระดับขีดความสามารถแข่งขัน อุตสาหกรรมกุ้งไทย
“กุ้งขาวแวนาไม” เป็นกุ้งทะเลที่ได้รับความนิยมในการเพาะเลี้ยงอย่างมาก เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว ให้ผลผลิตสูง และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยเริ่มมีการทดลองเลี้ยงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 และประสบผลสำเร็จในช่วงปี พ.ศ. 2545 เมื่อกรมประมงอนุญาตให้สามารถนำเข้าพ่อพันธุ์กุ้งขาวแวนาไมที่ปลอดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาปรับปรุงพันธุ์ในประเทศได้
“กุ้งทะเลเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก โดยในอดีตสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละเกือบแสนล้านบาท เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูงทั้งภายในและต่างประเทศ กระทั่งเมื่อปี 2555 การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลของไทยประสบวิกฤตการระบาดของโรคตายด่วน หรือ EMS-AHPND สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทยตลอดห่วงโซ่การผลิต ซึ่งที่ผ่านมา กรมประมงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลอย่างต่อเนื่อง”
ปัจจุบันกุ้งขาวแวนาไมกลายเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม ในการเพาะเลี้ยงที่ผ่านมา พบว่าเกษตรกรประสบปัญหาด้านโรคระบาด และกุ้งเจริญเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้น การปรับปรุงพันธุ์ กุ้งขาวแวนาไม จึงมีความสำคัญต่อภาคการผลิตเชิงพาณิชย์ของไทย ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดทั้งจากปัญหาของโรคระบาดต่าง ๆ รวมถึงด้านคุณภาพของผลผลิตด้วย
จากการที่สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA สนับสนุนทุนวิจัยให้กรมประมงดำเนินโครงการ “สร้างประชากรพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดโรคและโตดีเพื่อการเพาะเลี้ยงในประเทศไทยและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน” จนสามารถพัฒนาพันธุ์กุ้งขาวแวนาไมได้ 2 สายพันธุ์ใหม่ คือ “เพชรดา 1 “ เจริญเติบโตดี และ “ศรีดา 1” ต้านทานต่อโรค EMS-AHPND พร้อมขยายผลความสำเร็จโดยต่อยอดโครงการ “การกระจายพันธุ์กุ้งขาวแวนาไมพันธุ์ปรับปรุงสู่ภาคการผลิตเชิงพาณิชย์” เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตให้มีคุณภาพ ด้วยกำลังการผลิตถึง 10 ล้านตัว/ปี ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันและผลักดันสินค้าเกษตรไทยให้ก้าวสู่ครัวโลกตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป

นายคงภพ อำพลศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง เปิดเผยถึงรายละเอียดการศึกษาวิจัยครั้งนี้ว่า ได้นำประชากรกุ้งขาวแวนนาไมมาจาก 4 แหล่ง คือ Shrimp Improvement Systems Hawaii LLC สหรัฐอเมริกา (SIS Hawaii) , Guam, Kona Bay และสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมด้วยการใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอไมโครแซทเทลไลท์ จำนวน 8 ตำแหน่ง และตรวจสอบการปลอดจากเชื้อก่อโรค 8 โรค

คือ โรคตัวแดงดวงขาว (WSSV) โรคทอร่าซินโดรม (TSV) โรคหัวเหลือง (YHV) โรคแคระแกร็น (IHHNV) โรคกล้ามเนื้อขาวหรือกล้ามเนื้อตาย (IMNV) โรคไวรอลโคเวร์ทมอร์ทาลิตี้ (CMNV) โรคอีเอชพี (EHP) และโรคเอเอชพีเอ็นดี (AHPND) หรือโรคตายด่วน (EMS-AHPND) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus

ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่า สายพันธุ์โตดี “เพชรดา 1” ซึ่งทำการปรับปรุงพันธุ์และดำรงรักษาสายพันธุ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี จากผลการเลี้ยงทดสอบการเจริญเติบโตในบ่อผ้าใบภายนอกอาคาร และการเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ภายในอาคารปรับปรุงพันธุ์ พบว่า การเลี้ยงกุ้งสายพันธุ์ “เพชรดา 1” ทั้ง 2 แบบ แสดงการเจริญเติบโตสูงขึ้นจากรุ่น P0 ถึงรุ่น F6

นอกจากนี้การทดสอบการเจริญเติบโตโดยการเลี้ยงเปรียบเทียบกับพันธุ์กุ้งจากแหล่งอื่น ทั้งในฟาร์มเกษตรกรและในศูนย์ฯ พบว่า สายพันธุ์โตดี “เพชรดา 1” มีค่าเฉลี่ยการเจริญเติบโตสูงกว่าพันธุ์กุ้งแหล่งอื่นที่นำมาเปรียบเทียบ และจากการเลี้ยงกุ้งรุ่น F6 ในบ่อผ้าใบความจุ 25 ลูกบาศก์เมตร พบว่า ผลการเจริญเติบโตกุ้งมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.46 กรัม/วัน น้ำหนักเฉลี่ย 43.76 กรัม/ตัว และมีอัตรารอดตายเฉลี่ย 91%

ส่วนสายพันธุ์ต้านโรค EMS-AHPND “ศรีดา 1” ทำการปรับปรุงพันธุ์และดำรงรักษาสายพันธุ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำนครศรีธรรมราช จากผลการทดสอบความต้านทานเชื้อก่อโรค EMS-AHPND พบว่า ค่าเฉลี่ยอัตรารอดตาย จาก 37.51±12.24% ในรุ่น P0 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 63.59±33.36% ในรุ่น F6

โดยผลการทดสอบความต้านทานเชื้อก่อโรค EMS-AHPND ในรุ่น F4, F5 และ F6 เปรียบเทียบกับกุ้งจากแหล่งพันธุ์อื่น พบว่า กุ้งทุกรุ่นมีอัตรารอดตายเฉลี่ยไม่แตกต่างกับทุกแหล่งพันธุ์ที่นำมาเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบกุ้งสายพันธุ์ต้านโรค EMS-AHPND “ศรีดา 1” ในรุ่น F6 ได้แสดงถึงความสามารถในการต้านเชื้อก่อโรค EMS-AHPND ของกุ้งกลุ่มคัดเลือกรุ่นล่าสุดว่ามีเพิ่มสูงขึ้นมากกว่ากุ้งกลุ่มควบคุมในรุ่นเดียวกันและกุ้งจากแหล่งพันธุ์เอกชนบางแหล่ง

ในปี พ.ศ.2566 ได้ดำเนินโครงการ “การกระจายพันธุ์กุ้งขาวแวนาไมพันธุ์ปรับปรุงสู่ภาคผลิตเชิงพาณิชย์” โดยกระจายพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวแวนนาไมทั้ง 2 สายพันธุ์จำนวน 5,150 คู่ สู่เกษตรกรโรงเพาะฟัก จำนวน 5 ราย และศึกษาผลกระทบและประเมินความพึงพอใจเกษตรกรโรงเพาะฟักจำนวน 5 ราย เกษตรกรโรงอนุบาลจำนวน 15 ราย และเกษตรกรผู้เลี้ยงจำนวน 50 ราย
โดยผลผลิตจากงานวิจัยข้างต้น ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรโรงเพาะฟัก ทำให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากการลดจำนวนกุ้งที่ตายโดยเชื้อก่อโรค คิดเป็นมูลค่า 8,640,000 บาท/ปี ส่วนเกษตรกรโรงอนุบาล ให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากการลดจำนวนกุ้งทดแทนจากการนำเข้า คิดเป็นมูลค่า 20,736,000 บาท/ปี
ตลอดจนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง มีกำไรเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายกุ้งที่เพิ่มขึ้น จากเดิม คิดเป็นมูลค่า 2,709,504 บาท/ปี คิดเป็นมูลค่า ผลประโยชน์รวม 32,085,504 บาท/ปี
ทั้งนี้ หากเกษตรกรท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือซื้อลูกพันธุ์กุ้งทั้ง 2 สายพันธุ์ ได้ที่หน่วยผลิตของกรมประมง สายพันธุ์เพชรดา 1 ติดต่อ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี
โทร.032473830 และสายพันธุ์ศรีดา 1 ติดต่อ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำนครศรีธรรมราช โทร 075536157