เผยแพร่ |
---|
ไฟเกษตรเป็นอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษที่ภาครัฐสนับสนุนให้เกษตรกรไทยได้ใช้ไฟฟ้าในกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การสูบน้ำ การใช้เครื่องจักรกล หรืออุปกรณ์ทางการเกษตรอื่นๆ ในราคาที่ถูกกว่าการใช้ไฟฟ้าครัวเรือนทั่วไป ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตรกรรม

ไฟเกษตร คือ ไฟฟ้าที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดให้สำหรับเกษตรกรที่จดทะเบียนถูกต้อง เพื่อใช้ในการเกษตร เช่น ปั๊มน้ำ ระบบให้น้ำ ระบบแสงสว่างในฟาร์ม หรือเครื่องมือทางการเกษตรไฟฟ้าต่างๆ โดยมีอัตราค่าไฟที่ถูกกว่าไฟฟ้าบ้านปกติ
ใครมีสิทธิ์ขอใช้ไฟเกษตร?
เกษตรกรที่สามารถขอใช้ไฟเกษตรได้นั้นต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- เป็นเกษตรกรที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- มีพื้นที่ทำการเกษตรจริง เช่น นา ไร่ สวน หรือฟาร์ม
- ใช้ไฟฟ้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเกษตร เช่น ระบบสูบน้ำ ปั๊มน้ำ หรือเครื่องจักรกลทางการเกษตร
วิธีการขอไฟฟ้าลงพื้นที่เกษตร มี 3 ขั้นตอนดังนี้
- ขอบ้านเลขที่ ในการขอไฟเกษตรต้องดูแนวโน้มในพื้นที่ด้วยว่าจะมีไฟฟ้าเข้ามาด้วยหรือไม่ และต้องมีบ้านอยู่ในโซนเดียวกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไป แต่ถ้าในพื้นที่มีบ้านหลังเดียวก็สามารถขอไฟฟ้าพิเศษได้ แต่ค่าไฟจะสูงกว่าปกติครับ
2. ยื่นเรื่องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อาจเป็น อบต. หรือเทศบาล
3. ยื่นเรื่องที่การไฟฟ้าในอำเภอของตนเอง อย่าลืมถามความเป็นไปได้ในการที่จะได้ไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ แนะนำให้รวมกลุ่มกันมากๆ 3 หลัง 5 หลังหรือมากกว่า จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น
ในการขอใช้ “ไฟเกษตร” ที่ต้องผ่านเกณฑ์
ขั้นตอนการขอใช้ไฟเกษตร
- ติดต่อการไฟฟ้าในพื้นที่ – สามารถไปที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ตามพื้นที่ของท่าน
- เตรียมเอกสาร
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารรับรองการเป็นเกษตรกร เช่น ทะเบียนเกษตรกรจากกรมส่งเสริมการเกษตร
- สำเนาโฉนดที่ดิน แผนที่แสดงที่ตั้งของแปลงเกษตร
- หลักฐานการครอบครองที่ดินหรือสัญญาเช่า (ถ้ามี)
- ยื่นคำร้อง – แจ้งความประสงค์ขอใช้ไฟเกษตร พร้อมส่งเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
- รอการตรวจสอบ – เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบว่าการใช้ไฟฟ้าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทางการเกษตร
- ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า – เมื่อได้รับอนุมัติ การไฟฟ้าจะติดตั้งมิเตอร์ไฟเกษตรให้ พร้อมเริ่มใช้งานได้เลย
ค่าธรรมเนียมในการยื่นขอมิเตอร์ไฟฟ้า
- ติดตั้ง 5(15) แอมป์ ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท
- ติดตั้ง 15(45) แอมป์ 1 เฟส ค่าธรรมเนียม 6,450 บาท
- ติดตั้ง 15(45) แอมป์ 3 เฟส ค่าธรรมเนียม 21,350 บาท
อัตราค่าไฟเกษตรจะน้อยกว่าอัตราค่าไฟบ้าน (ประเภทที่1) พอสมควร โดยมีอัตราดังนี้
อัตราปกติ (บาท/หน่วย)
– 100 หน่วยแรก (หน่วยที่ 0 – 100) 2.0889
– เกิน 100 หน่วยขึ้นไป (หน่วยที่ 101 เป็นต้นไป) 3.2405
ค่าบริการ 115.16
ส่วนค่าไฟบ้านคิดอัตราดังนี้
อัตราปกติ (บาท / หน่วย)
ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วย / เดือน
– 15 หน่วยแรก (หน่วยที่ 0 – 15) 2.3488
– 10 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 16 – 25) 2.9882
– 10 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 26 – 35) 3.2405
– 65 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 36 – 100) 3.6237
– 50 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 101 – 150) 3.7171
– 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151 – 400) 4.2218
– เกิน 400 หน่วยขึ้นไป (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) 4.4217
ค่าบริการ 8.19
ใช้ไฟเกิน 150 หน่วย / เดือน
– 150 หน่วยแรก (หน่วยที่ 0 – 150) 3.2484
– 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151 – 400) 4.2218
– เกิน 400 หน่วยขึ้นไป (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) 4.4217
ค่าบริการ 38.22
ไฟเกษตรเป็นสิทธิประโยชน์ที่เกษตรกรควรใช้เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรในการทำเกษตร การขอใช้ไฟเกษตรนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เตรียมเอกสารให้ครบ และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด หากท่านเป็นเกษตรกรที่ยังใช้ไฟบ้านกับกิจกรรมทางการเกษตร ควรรีบดำเนินการเปลี่ยนเป็นไฟเกษตรเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานเกษตรและสหกรณ์