ผู้เขียน | โอภาส เพ็งเจริญ |
---|---|
เผยแพร่ |
ตอนแรกที่ลงมือทำนั้น คุณเงือบนึกว่าจะรอดเหมือนกับทุกๆ คนคิดเมื่อตอนคิดก่อนจะลงมือกระทำความผิดนั่นละ
ทว่าไม่รอดอยู่แล้ว, เป็นอย่างที่คาดไว้ละ ที่สุดคุณเงือบก็ถูกจับเข้าจนได้
อาจจะมีบางคนรอด แต่ต้องหลบหนี ซุ่มซ่อนตัวอยู่อย่างไม่มีความสุขหรอก อาจมีเพียงไม่กี่รายที่ทำความผิดแล้วสามารถหลบซ่อนหลีกหนีการจับกุมแล้วดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ
คุณเงือบถูกฟ้องดำเนินคดีข้อหาว่า ลักและใช้บัตรเอทีเอ็มของคุณโผงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ลักเอาเงินจากบัญชีของคุณโผงไป
พนักงานอัยการนำรายงานที่บันทึกไว้จากเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารเข้าสืบ ระบุว่า
วันที่ 5 สิงหาคม 2541 มีผู้ใช้บัตรเอทีเอ็มของคุณโผง กดถอนเงินออกจากตู้เอทีเอ็ม 2 ครั้ง คือ เวลา 10.18.45 น. และ เวลา 10.19.45 น. ห่างกันเพียง 60 วินาที เท่านั้น
ถัดจากนั้น ห่างออกมาอีก 49 วินาที คือ เวลา 10.20.34 น. คุณเงือบใช้บัตรเอทีเอ็มของสามีตนเองกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มตู้เดียวกันนั้น
คดีนี้ หลังจากสืบพยานหลักฐานแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ลักบัตรเอทีเอ็มคุณโผงไป และไปกดเงินที่ตู้กดเงินเป็นฝีมือคุณเงือบนะเอง
แม้คุณเงือบอุทธรณ์คดี แต่ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม คุณเงือบไม่ยอมจำนน ไม่ยอมแพ้ จึงฎีกาคดีมาถึงศาลฎีกา
ศาลฎีการับฟังแล้ววินิจฉัยว่า รายงานดังกล่าวที่ปรากฏนั้นเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพราะเกิดจากการบันทึกของเครื่องสมองกลที่ใช้จับเวลาการถอนเงินจากบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งในระยะเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า การเบิกถอนเงินทั้งสามรายการดังกล่าวย่อมจะเป็นการกระทำของบุคคลคนเดียวกัน
ไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้โดยบุคคลหลายคน
เช่นนี้ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าคุณเงือบเป็นคนร้าย ที่ลักบัตร เอทีเอ็มของคุณโผงไปแล้วใช้เบิกถอนเงินสดไป รวมเป็นเงิน 21,000 บาท
ที่คุณเงือบอ้างว่าบ้านคุณโผงมีคนภายนอกเข้าออกเป็นประจำ อาจจะเป็นคนอื่นที่ลักบัตรเอทีเอ็มไปกดก็ได้นั้น เห็นว่าความดังกล่าวเป็นการคาดคะเนของคุณเงือบเอง ซึ่งเลื่อนลอยไม่มีพยานหลักฐานมาประกอบ
ที่คุณเงือบต่อสู้ว่า เงินที่เบิกถอนไปนั้นเป็นของธนาคารไม่ใช่ของคุณโผงนั้น เห็นว่า คุณเงือบใช้บัตรของคุณโผงไปเบิกถอนเอาเงินจากบัญชีเงินฝากของคุณโผง จึงต้องฟังว่าเงินที่คุณเงือบเอาไปนั้นเป็นของคุณโผง หาใช่เงินของธนาคารไม่
พิพากษายืนตรงกันทั้ง 3 ศาล ว่า คุณเงือบลักบัตรเอทีเอ็มไปลักเงินคุณโผง!!!
ลักบัตรเอทีเอ็มกระทงหนึ่ง และที่ลักเงิน 2 ครั้ง ก็ 2 กระทง รวม 3 กระทง
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก กระทงละ 2 เดือน รวมเป็น 6 เดือน!!!!!
คดีนี้เหตุเกิดตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2541 เลยเจอข้อหาและโทษเพียงเท่านั้น
เรื่องทำนองเดียวกันที่เกิดเหตุปีนี้ น่าจะต้องเจอข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ตามมาตรา 269/5 อีกกระทง โทษหนักเสียด้วยสิ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี
แถมโดน ตามมาตรา 269/7 เพราะนำไปถอนเงินสดออกมา โทษจะเพิ่มขึ้นอีกครึ่งหนึ่ง
(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4611/2548)
—————————–
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 269/7 ถ้าการกระทำในหมวดนี้ เป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ กึ่งหนึ่ง