ก้าวต่อไป สตาร์ตอัพ ไทยแลนด์ สร้างเศรษฐกิจ จากนักรบเทคโนโลยี

เมื่อวันที่ 21 กันยายน นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า งานสตาร์ตอัพ ไทยแลนด์ (STARTUP Thailand) เป็นความมุ่งมั่นของ วท.และคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ ที่จะพัฒนาสตาร์ตอัพอย่างจริงจัง โดยใช้กลไกสนับสนุนและการรวมพลังขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างนักรบทางเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่ สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยงาน “Startup Thailand 2017” ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งทั้งกรุงเทพฯ และ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เกิดผลเป็นรูปธรรมหลายด้าน เช่น เกิดเม็ดเงินลงทุนมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท เกิดสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพและเริ่มดำเนินธุรกิจจริงกว่า 700 ราย เกิดการจ้างงานใหม่กว่า 7,500 อัตรา ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นกำลังแรงงานที่มีทักษะทางเทคโนโลยี และ เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นการเติบโตของการลงทุนในธุรกิจสตาร์ตอัพในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นสูงจากปี 2559 กว่า 50% และสูงกว่าปี 2558 กว่า 200%

รัฐมนตรี วท.กล่าวว่า ทั้งนี้ คณะกรรมการวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติได้เห็นชอบร่าง “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” เพื่อให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจของสตาร์ตอัพในประเทศไทยมากขึ้น ใน 4 ประเด็น ได้แก่ เปิดช่องให้สตาร์ตอัพสามารถออกหุ้นกู้แปลงสภาพได้ สามารถทยอยให้หุ้นแก่พนักงานของสตาร์ตอัพได้ ให้พนักงานมีสิทธิซื้อหุ้นในราคาที่กำหนดได้ และสามารถแก้ไขสิทธิในหุ้นบุริมสิทธิ โดยใช้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ โดยขณะนี้ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว หากเห็นชอบโดยเฉพาะการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานในด้านนี้เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ และช่วยให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในสตาร์ตอัพไทยกันมากขึ้น   

นางอรรชกา กล่าวว่า ในปี 2561 นี้ วท.ได้ขยายโอกาสการเข้าสู่สตาร์ตอัพในกลุ่มนักเรียนอาชีวะ โดยมุ่งผลักดันการสร้างวิธีคิด การสร้างทักษะของการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อสร้าง “นักรบใหม่ทางเศรษฐกิจ” ให้เกิดขึ้น โดย วท.ได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อนำเด็กนักเรียนอาชีวะพัฒนาสู่ความเป็นสตาร์ตอัพ นำวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวะของรัฐและเอกชนกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ เข้ามาร่วมบ่มเพาะกำลังแรงงานยุคใหม่ที่มีความสร้างสรรค์ มีทักษะของการเป็นผู้ประกอบการ และความสามารถในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ     

นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า สนช.จะดำเนินการพัฒนาสาขางานสำคัญๆ ที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจประเทศ ได้แก่ สุขภาพ เกษตร อาหาร และท่องเที่ยว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันผลักดันและพัฒนาสตาร์ตอัพไทยในรายสาขาให้โดดเด่นขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ย่านนวัตกรรมในพื้นที่นำร่องโครงการ 15 ย่านทั่วประเทศ เพื่อสร้างผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละพื้นที่ ขณะนี้กำลังดำเนินการที่เป็นรูปธรรมจำนวน 11 ย่าน

นางอรรชกา กล่าวว่า ความชัดเจนของการพัฒนาสตาร์ตอัพไทยสู่ตลาดต่างประเทศ คือก้าวสำคัญของการจัดงาน STARTUP Thailand 2018 ที่จะจัดขึ้นในกลางปี 2561 ภายใต้แนวคิด INVEST NATION ที่เน้นเรื่องการลงทุนจากต่างชาติ โดยจะเชิญนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในสตาร์ตอัพไทย ตั้งเป้าหมายให้เกิดการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้งาน STARTUP Thailand กลายเป็นงานสตาร์ตอัพระดับโลก ขยายพื้นที่จัดงานขึ้นเป็น 25,000 ตารางเมตร นำสินค้าของสตาร์ตอัพมาซื้อขายแก่ประชาชน ตั้งเป้า 600 ราย จากทั่วโลก

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน