กรมชลประทานจับมือกปน.ลงนามMOU ร่วมบริหารน้ำอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืนระหว่างกรมชลประทานและการประปานครหลวง(กปน.)  ณ อาคาร 99  ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู  กรมชลประทาน  สามเสน กรุงเทพฯ

นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้เป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอกับความต้องการและสอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน ตลอดจนร่วมกันในการพัฒนาแหล่งน้ำและแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อลดปัญหาปริมาณน้ำและคุณภาพน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืน ในลักษณะการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือหลักเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน

ทั้งนี้ภายใต้ MOU ดังกล่าว กรมชลประทานและการประปานครหลวง จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อร่วมกันใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และประสานงานเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนข้อมูลการจัดทำแผนงานโครงการในอนาคตของทั้ง 2 หน่วยงาน กำหนดแผนและการจัดสรรน้ำสำหรับการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติการณ์น้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาด้อยคุณภาพ   พิจารณาดำเนินการเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเสริมสร้างทักษะร่วมกัน สำหรับรายละเอียดในการดำเนินกิจกรรมต่างๆตามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ จะมีการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง โดยคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นมาจะร่วมกันพิจารณาในการดำเนินกิจกรรมแบบบูรณาการอีกครั้ง

นอกจากนี้กรมชลประทานจะสนับสนุนให้การประปานครหลวงเข้าร่วมเป็นตัวแทนในคณะกรรมการจัดการชลประทาน (Joint Management committee: JMC) ของพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับภารกิจของกรมชลประทานที่นอกจากจะมีภารกิจในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทานแล้ว ยังจะต้องบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำทุกภาคส่วน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปีของรัฐบาล ที่กรมชลประทานได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบยุทธศาสตร์การจัดการน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคอีกด้วย”นายสัญชัยกล่าว

ด้านนายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง กล่าวว่า การประปานครหลวง มีภารกิจในการสำรวจ จัดหาแหล่งน้ำดิบพร้อมผลิตและให้บริการน้ำประปาที่มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก ให้ประชาชนผู้ใช้น้ำในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ จำนวนกว่า 13 ล้านคน

ปัจจุบันสามารถให้บริการน้ำประปา คิดเป็นร้อยละ 99 ของพื้นที่ที่ให้บริการ ผลิตจ่ายน้ำเฉลี่ยวันละ 5.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้ความต้องการใช้น้ำในทุกภาคส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากสถิติเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา มีการใช้น้ำไปเพื่อการอุปโภคบริโภค   อยู่ที่ 2,172.34 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าในปี 2590 จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากการเพิ่มของจำนวนประชากร การขยายตัวของภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้าขาย ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด อันจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบายบำบัดทุกข์บำรุงสุข ของกระทรวงมหาดไทย และจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเกิดความยั่งยืน และเพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตต่อไป