สธ.เร่งตรวจ “สมุนไพรต้านมะเร็ง” แนะคนไข้อย่าหยุดยาแผนปัจจุบัน

ประชาชนแห่ทดลอง”แคปซูลสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง” สธ.ห่วงไม่มีข้อมูลทางวิชาการรับรอง เร่งส่งตัวอย่างทดสอบทางห้องปฏิบัติการ แนะคนไข้อย่าหยุดการรักษาแผนปัจจุบัน

กรณีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมากไปเข้าคิวรับแคปซูลสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งที่ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีเงื่อนไขรับได้คนละ 6 เม็ด แต่ต้องเตรียมเอกสารคำวินิจฉัยโรค ใบรับรองแพทย์ตัวจริง ทะเบียนบ้านตัวจริง บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมใบแจ้งความที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ว่าจะไม่เอาผิดกับผู้แจกยานั้น

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ปราจีนบุรี ตรวจสอบเรื่องนี้ ล่าสุดได้ส่งแคปซูลดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ชลบุรี เพื่อตรวจหาว่ามีตัวยาหรือสารชนิดใดบ้าง ส่วนการพิจารณาเอาผิดทางกฎหมาย จากการตรวจสอบผู้แจกก็ไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นการรักษา ดังนั้น จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน

“จริงๆ สมุนไพรมีประโยชน์ในการรักษามาก แต่ในเรื่องมะเร็งก็ต้องพิจารณาหลักฐานข้อมูลดีๆ เช่นกัน เพราะโรคมะเร็งมีหลายชนิด บางชนิดเป็นช่วงแรกๆ แต่มีอาการรุนแรงก็มี ขณะที่ระยะท้ายๆ แต่รักษาตัวดีๆ ก็มีชีวิตอยู่ได้เป็นปี ดังนั้น เมื่อป่วยเป็นมะเร็งอย่าหยุดยา ควรรักษาต่อไปจะดีกว่า ส่วนกรณีเพื่อความชัดเจนต้องรอผลตรวจจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดชลบุรี หากตรวจไม่ได้หรือต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้นก็จะส่งไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์” รองปลัด สธ.กล่าว

นพ. ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า แม้ผู้แจกจ่ายแคปซูลสมุนไพรจะไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนไทย แต่จากการตรวจสอบยังไม่พบการกระทำที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้มีพฤติกรรมตรวจรักษา ไม่ได้มีการอ้างว่าสมุนไพรนี้สามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายได้ จึงไม่เข้าข่ายเป็นยารักษาโรค ที่สำคัญยังไม่มีการขาย แต่ที่จะต้องมีการตรวจสอบคือ เรื่องของความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และต้องไม่มีการโฆษณาเกินจริงว่ารักษามะเร็งได้ ซึ่ง สสจ.ปราจีนบุรี ได้เข้าตรวจสอบผลิตภัณฑ์ครั้งแรกก็ไม่พบการปนเปื้อนและไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ส่วนการตรวจสอบครั้งล่าสุดยังต้องรอผล

สำหรับการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ พบว่าในส่วนผสมของแคปซูลสมุนไพรดังกล่าว มีข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ และน้ำมันรำข้าว จากงานวิจัยพบว่าข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้มีสรรพคุณแอนติออกซิแดนท์ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ซึ่งในหลายตำรับเกี่ยวกับมะเร็งของแพทย์แผนไทยก็มีข้าวเย็นใต้เป็นส่วนผสม ส่วนน้ำมันรำข้าวก็มีแอนติออกซิแดนท์เช่นกัน และมีงานวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ แต่ทั้งหมดยังไม่มีการวิจัยในคนแต่อย่างใด จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าสามารถรักษามะเร็งได้ จากสรรพคุณของทั้ง 3 ตัว ยังไม่พบข้อเสียหรือผลข้างเคียงใดๆ และไม่น่าจะมีฤทธิ์ต้านการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้แจกจะต้องดำเนินการคือ ติดประกาศให้ชัดเจนว่าแคปซูลสมุนไพรที่แจกไม่สามารถรักษามะเร็งได้ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และยังต้องรักษาควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน