ยุทธศาสตร์ มช.วิจัยรับไทยแลนด์ 4.0 ชูบทบาทคลังความรู้-ขับเคลื่อนสร้างนวัตกรรม

รศ.ดร.สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า มช. เน้นใช้ความเป็นเลิศทางวิชาการและจุดแข็งด้านงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพื่อตอบโจทย์ของประเทศในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม  โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการวิจัยที่สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 เชิงรุกนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ยุทธศาสตร์ที่ 2 เชิงรุก นวัตกรรมด้านอาหารและสุขภาพและผู้สูงอายุ ยุทธศาสตร์ที่ 3 เชิงรุก นวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์ และยุทธศาสตร์ที่ 4 ตามพันธกิจ วิจัยที่เป็นเลิศและสร้างนวัตกรรม

รศ.ดร.สัมพันธ์กล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์นวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานมีเป้าหมายสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยนำองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานไปใช้ประโยชน์ในเชิงประจักษ์ รวมถึงสร้างวัฒนธรรม พัฒนาสมรรถนะด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนให้แก่สังคมภายใน คือนักศึกษาและบุคลากร และสังคมภายนอก ส่วนยุทธศาสตร์นวัตกรรมด้านอาหารและสุขภาพและผู้สูงอายุ มีเป้าหมายเพื่อสร้างนวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ ด้านอาหาร สุขภาพและผู้สูงอายุ ที่สร้างรายได้หรือมีผลกระทบต่อสังคม โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มอุตสาหกรรม เครือข่ายและภาคสังคม ในการนำนวัตกรรมไปขับเคลื่อนการแก้ปัญหาด้านอาหาร สุขภาพและผู้สูงอายุ ซึ่งมหาวิทยาลัยจะบริการข้อมูลและคลังความรู้ รวมทั้งทำงานวิจัยเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหารของตลาดในประเทศและตลาดโลกด้วยการบูรณาการและเทคโนโลยีอื่นๆ

“สำหรับยุทธศาสตร์นวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์ มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมคลังความรู้และพัฒนาการเผยแพร่ข้อมูลด้านล้านนา และนำความรู้มาต่อยอดสร้างนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ และยุทธศาสตร์วิจัยที่เป็นเลิศและสร้างนวัตกรรม มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบและพัฒนานักวิจัยทุกระดับอย่างต่อเนื่อง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการวิจัย ปฏิรูปโครงสร้างระบบบริหารจัดการงานวิจัย เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การวิจัย การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของประเทศตามศักยภาพของมหาวิทยาลัย ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการผลิตผลงานวิชาการทั้งที่ยกอันดับของมหาวิทยาลัยหรือมีการนำไปใช้จริงและตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ตลอดจนสร้างกลไกและความร่วมมือในการบูรณาการการทำวิจัยนวัตกรรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคสังคมในรูปแบบการสานพลังประชารัฐตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0” รศ.ดร.สัมพันธ์กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2560