โวยราคายางร่วง – “ก้นถ้วย” โล 13 บ. ชาวไร่สับปะรดเล็งปล่อยเน่าคาไร่

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายสมจิตร งุ่ยไก่ แกนนำกลุ่มเกษตรกร ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนยางและชาวไร่สับปะรดในพื้นที่ประสบปัญหาจากราคาผลผลิตตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยางพารา มีสมาชิกนำไปจำหน่ายผ่านสหกรณ์ชาวสวนยางพาราประจวบคีรีขันธ์ ที่หมู่ 12 ตำบลอ่าวน้อย ล่าสุดยางแผ่นเกรดเอ ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 43 บาท ยางก้นถ้วยสหกรณ์ยอมรับซื้อในราคาขาดทุน กิโลกรัมละ 18 บาท ขณะที่ตลาดภายนอกรับซื้อ กิโลกรัมละ 13 บาท เท่านั้น มีแนวโน้มลดลง ขณะที่เริ่มการเปิดกรีดเมื่อหลายเดือนก่อนยางแผ่น กก.ละ 55 บาท ยางก้นถ้วยราคา กก.ละ 28 บาท และผลกระทบจากราคาที่ตกต่ำยอมรับว่าไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรในหลายจังหวัดจะยื่นข้อเสนอถึงการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)

“ขณะที่ผลกระทบจากราคาสับปะรดส่งโรงงานแปรรูป ล่าสุดหน้าแผงเหลือเพียง กิโลกรัมละ 2.20 บาท ขณะที่โรงงานรับซื้อ กิโลกรัมละ 2.80-3.00 บาท มีแนวโน้มที่ชาวไร่ในพื้นที่จะปล่อยผลผลิตให้เน่าคาไร่ ปัจจุบันมีค่าจ้างในการเก็บเกี่ยวผลผลิตตันละ 300 บาท ไม่รวมค่าขนส่ง ที่สำคัญผู้ขายที่มีโควต้าส่งโรงงานแปรรูปก็มีผลกระทบพอสมควร เนื่องจากโรงงานลดปริมาณการซื้อสับปะรดและมีการคัดเกรดตามมาตรฐานที่กำหนด ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากหน่วยงานของรัฐให้ความสนใจเพื่อพยุงราคา และสมาคมชาวไร่สับปะรดไทยที่มีองค์กรตั้งอยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้ให้ความสนใจขับเคลื่อนเสนอข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือชาวไร่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการเรี่ยไรค่าใช้จ่ายจากสมาชิก เพื่อมอบให้แกนนำเดินทางไปศึกษาดูงานเปิดตลาดการค้าในต่างประเทศ” นายสมจิตร กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน