เผยแพร่ |
---|
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดตรัง มีการจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการแปรรูปยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางจากสหกรณ์ต่างๆ ในสังกัดการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และวิสาหกิจชุมชน รวมกว่า 60 แห่งในจังหวัดตรัง รวมประมาณ 100 คน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนแผนธุรกิจโครงการ เพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินในการนำไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจสหกรณ์และวิสาหกิจของตนเอง เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตแปรรูปยาง และผลิตภัณฑ์ยางให้ได้คุณภาพต่อสู้กับปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ขณะนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ กยท.จัดตั้งบริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด ขึ้นมาด้วยการดึงผู้ส่งออกยางรายใหญ่ 5 บริษัท ลงทุนถือหุ้นจัดตั้งบริษัทร่วมกับ กยท.ด้วยเงินลงทุนรายละ 200 ล้านบาท โดย กยท.ร่วมทุนด้วยจำนวนเงินเดียวกัน รวมเงินทั้งหมด 1,200 ล้านบาท
ที่ประชุมมีการถกการดำเนินงานของ กยท.ที่เป็นผู้กำกับดูแลบริษัทร่วมทุน ทำหน้าที่บริหารกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง เข้าไปเปิดประมูลยางในตลาดกลางยางพาราของ กยท.ทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ แต่กลับบริหารงานล้มเหลวทั้ง การตั้งราคากลางสูงเกินความเป็นจริงกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 3-4 บาท และยางที่ กยท.ประมูลได้แล้วจากตลาดกลาง แต่ 5 เสือบริษัทยางไม่รับซื้อยาง แต่กลับไปซื้อยางจากนอกตลาด ด้วยการตั้งราคาเอง กดดันราคาให้ต่ำลงทุกวัน บริษัทที่ร่วมทุนไม่ทำตามข้อตกลงที่จะต้องซื้อยางจากการประมูล ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายระบบกลไกของตลาดกลางยางพาราไทย ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ผลประโยชน์ไปตกกับคนบางกลุ่ม
นายประทบ สุขสนาน รองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ กล่าวว่า เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ ได้มีข้อเสนอไปยังนายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในการแก้ปัญหาวิกฤตยางพาราตกต่ำ จำนวน 5 ข้อ คือ 1.ให้บริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด ชะลอการซื้อยางผ่านระบบตลาดกลาง และให้ดำเนินการรับมอบยางให้แก่ 5 บริษัทที่ร่วมทุนแล้วเสร็จทั้ง 4 ตลาด (สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และยะลา) ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ 30 ตุลาคม 2560 เนื่องจากว่าขณะนี้ยางที่ กยท.ในนามบริษัทร่วมทุนฯเข้าไปประมูลไว้ในตลาดกลาง แต่บริษัทยาง 5 เสือ ไม่รับซื้อต่อ เก็บไว้จนล้นโกดังตลาดกลาง ระบายออกไม่ได้มีมากกว่า 10,000 ตัน
“ 2.กรณีที่บริษัท ร่วมทุนยางพารา จำกัด ประสงค์ซื้อยางผ่านระบบตลาดกลางต้องเข้าซื้อทุกตลาด โดยซื้อในราคาที่ไม่สูงหรือต่ำกว่าราคากลางเกินกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม เพราะที่ผ่านมาบริษัทร่วมทุนฯเข้าไปประมูลในบางตลาด และตั้งราคาสูงเกินจริง ทำให้ระบบกลไกราคาตลาดเสียหาย และบริษัท 5 เสือที่ร่วมทุนก็ไม่เอายางที่บริษัทร่วมทุนฯเข้าไปประมูล แต่กลับไปซื้อยางนอกระบบ และตั้งราคาต่ำหรือกดราคาจนตกต่ำ 3.ให้มีการกำหนดราคากลางที่สะท้อนความเป็นจริงตามกลไกของตลาด 4.ในกรณีที่มีการเสนอราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเกิน 2 บาท ให้หน่วยธุรกิจ การยางแห่งประเทศไทย เข้ารับซื้อในราคาชี้นำตลาดและเป็นไปตามกลไกลของตลาด 5.ให้ตลาดยางพารา การยางแห่งประเทศไทย ยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบการยางแห่งประเทศไทย ว่าด้วยตลาดยางพาราการยางแห่งประเทศไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2560 อย่างเคร่งครัด” นายประทบกล่าว
นายประทบกล่าวอีกว่า ปัญหาวิกฤตราคายางพาราขณะนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ กยท.จัดตั้งบริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด ขึ้นมาด้วยการดึงผู้ส่งออกยางรายใหญ่ 5 บริษัท ลงทุนถือหุ้นจัดตั้งบริษัทร่วมกับ กยท.ด้วยเงินลงทุนรายละ 200 ล้านบาท โดย กยท.ร่วมทุนด้วยจำนวนเงินเดียวกัน รวมเงินทั้งหมด 1,200 ล้านบาท โดย กยท.เป็นผู้กำกับดูแลบริษัทร่วมทุนดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่บริหารกองทุนรักษาเสถียรภาพราคายาง ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง เข้าไปเปิดประมูลยางในตลาดกลางยางพาราของ กยท.ทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ แต่กลับบริหารงานล้มเหลวทั้ง การตั้งราคากลางสูงเกินความเป็นจริงกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 3-4 บาท และยางที่ กยท.ประมูลได้แล้วจากตลาดกลาง แต่ 5 เสือบริษัทยางไม่รับซื้อยาง แต่กลับไปซื้อยางจากนอกตลาด ด้วยการตั้งราคาเอง กดดันราคาให้ต่ำลงทุกวัน บริษัทที่ร่วมทุนไม่ทำตามข้อตกลงที่จะต้องซื้อยางจากการประมูล ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายระบบกลไกของตลาดกลางยางพาราไทย ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ผลประโยชน์ไปได้กับคนบางกลุ่ม
“ดังนั้น เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางขอส่งมติในเบื้องต้น ไปยังผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทยรีบนำไปแก้ไข แต่หากยังทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับตลาดกลางยางพาราอีก ก็จะพิจารณาปัญหารายวัน เพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มชาวสวนยางที่ออกขับไล่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และบอร์ดบริหารการยางทั้งคณะต่อไป ทั้งนี้ เห็นด้วยที่กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางออกขับเคลื่อนขับไล่ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 ตำแหน่ง เพราะถือเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว ซึ่งทางเครือข่ายสถาบันเกษตรกรก็จะยกระดับการเรียกร้องเช่นกัน หากตลาดกลางยังเกิดปัญหา”
นายประทบกล่าว และว่า ในการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่แปรรูปและพัฒนาผลผลิตยาง ที่จัดขึ้นที่จังหวัดกระบี่ในวันนี้ โดยมีนายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เดินทางมาเปิดการประชุม ทางตัวแทนสถาบันเกษตรกรจะเข้าร่วมน้อยมาก เนื่องจากทุกคนไม่พอใจการบริหารงานที่ล้มเหลวของ กยท.
ที่มา : มติชนออนไลน์