เผยแพร่ |
---|
ธ.ก.ส.โชว์ผลประกอบการครึ่งปีฟันกำไรเกือบ 6 พันล้าน คาดทั้งปีอาจได้ 9 พันล้าน ครึ่งปีหลังจ่อปล่อยสินเชื่อช่วยมัน ข้าว ข้าวโพด คาดทั้งปีปล่อยสินเชื่อใหม่ไม่ต่ำกว่า 8.6 หมื่นล้าน เร่งแก้หนี้นอกระบบ
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีบัญชี 2560 (1 เมษายน-30 กันยายน 2560) ธ.ก.ส. มีกำไร 5.84 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชีก่อนที่มีกำไร 5.23 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีบัญชี และคาดว่าในปีบัญชีนี้มีกำไรตามเป้าหมายที่ประมาณ 9 พันล้านบาท นอกจากนี้ สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ 17,843 ล้านบาท ส่งผลยอดรวมของสินเชื่อคงค้างเป็น 1.29 ล้านล้านบาท หรือขยายตัวจากบัญชีผ่านมา 1.40% คาดว่า สินเชื่อครึ่งปีบัญชีหลังจากปล่อยได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ตรงกับฤดูกาลเพาะปลูก โดยได้เตรียมสินเชื่อสินค้ามันสำปะหลังวงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท สินเชื่อบริหารจัดการข้าว 1.25 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อผู้ปลูกข้าวโพดอีก 7.5 พันล้านบาท โดยมั่นใจว่าตลอดทั้งปีบัญชี ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อตามเป้าหมาย 86,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 7%
นายอภิรมย์ กล่าวว่า สำหรับยอดเงินฝากช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.38 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีบัญชีกว่า 3 หมื่นล้านบาท หากแยกเงินฝากที่เป็นของเกษตรกรจะอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท คิดเป็นจำนวน 10.1 ล้านราย ทั้งนี้ จะพบว่า ฐานเงินฝากที่เป็นของเกษตรกรนั้น ได้ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2558 ยอดเงินฝากเกษตรกรอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ปี 2559 ยอดเงินฝากอยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท โดยจนถึงสิ้นไตรมาส 2 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 1.64 ล้านล้านบาท
นายอภิรมย์ กล่าวว่า สำหรับคุณภาพสินทรัพย์ธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับ 5.75% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีบัญชีอยู่ระดับ 4% เนื่องจากครึ่งปีแรกยังไม่ใช้ฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผล คาดว่าเอ็นพีแอลเริ่มลดลงในไตรมาส 3-4 หลังจากมีการเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตร ทำให้เกษตรกรนำเงินมาใช้หนี้ ทำให้ทั้งปีเอ็นพีแอลลดลงลงมาเหลือ 4% ได้ แม้เอ็นพีแอลช่วงนี้จะเพิ่มขึ้น แต่ธนาคารมีสถานะกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) แข็งแกร่ง โดยอยู่ที่ระดับ 12.37% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งเอาไว้ที่ 8.50%
นายอภิรมย์กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีจะพยายามเข้าไปแก้ไขหนี้นอกระบบ ซึ่งกลุ่มที่ ธ.ก.ส. ดูแลมีประมาณ 4.5 แสนราย วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยประมาณ 1.24 แสนราย โดยได้ติดต่อไปยังกลุ่มที่เป็นหนี้นอกระบบเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้ นอกจากช่วยเหลือด้านการเงินแล้ว ยังส่งเสริมอาชีพให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เริ่มดำเนินการแล้วที่จังหวัดกระบี่ ให้เอสเอ็มอีหัวขบวนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ส่งโรงแรมและรีสอร์ตเป็นผู้นำในการดึงกลุ่มหนี้นอกระบบให้มาปลูกผัก นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ กระทรวงการคลังเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายวงเงินสินเชื่อแก้ไขหนี้นอกระบบอีก 5 พันล้านบาท จากขณะนี้มีการจ่ายสินเชื่อไปแล้วกว่า 4 พันล้านบาท ช่วยเหลือไปแล้ว 4.1 หมื่นราย
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน