เผยแพร่ |
---|
แต่ก่อนเกษตรกรในพื้นที่นิคมสหกรณ์ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ต่างต้องประสบกับปัญหาราคาข้าวตกต่ำ อีกทั้งยังถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาทำให้มีหนี้สินมากมายและเกิดความยากจนอย่างหนัก ต่อมาเกษตรกรจึงรวมตัวกันจัดตั้งสหกรร์นิคมชะอำ จำกัด ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีสมาชิกแรกตั้ง จำนวน 250 คน
นายมานะ อ่อนนุ่ม ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์ชะอำ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันสหกรณ์นิคมชะอำ จำกัด มุ่งเน้นส่งเสริมการสร้างอาชีพและการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับสมาชิก เพื่อให้สมาชิกช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับการผลิตข้าวตามมาตรฐาน GAP การขับเคลื่อนโครงการนาแปลงใหญ่ตามนโยบายรัฐเพื่อลดต้นทุนการผลิต จำนวน 504 ไร่ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก เช่น ค่าใช้จ่ายในการตีดินทำเทือกเพื่อเตรียมดิน จากไร่ละ 350 บาท เหลือไร่ละ 300 บาท อีกทั้งยังเน้นส่งเสริมให้สมาชิกใช้การตลาดนำการผลิตรับซ้อผลผลิตในราคาสูง ซ฿งผลผลิตข้าวบางส่วนสหกรณ์ได้นำมาแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “ขวัญข้าว” เพื่อสร้างรายได้และปันผลกำไรคืนสู่สมาชิก
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำโครงการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่นิคมสหกรณ์ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกมีอาชพีเสริม และสร้างรายได้ตลอดทั้งปี โดยเริ่มต้นจากการทำแปลงสาธิตภายในพื้นที่สหกรณ์ เพื่อเป็นจุดสาธิตวิธีการทำเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้องให้กับสมาชิก แล้วจึงขยายผลต่อไปยังพื้นที่ของสมาชิก ซึ่งปัจจุบันสามารถขยายผลไปแล้ว 30 ราย โดยให้สมาชิกปลูกตามคำแนะนำของสหกรณ์ และสหกรณ์จะรับซื้อผลผลิตทั้งหมด โดยราคาผักอินทรีย์จะสูงกว่าราคาผักทั่วไป 5 บาท ตามชนิดของผัก ซึ่งหลังจากที่สหกรณ์ได้รวบรวมผลผลิตทั้งหมดแล้ว จะนำไปจำหน่ายตามตลาดต่างๆ รวมทั้งเปิดตลาดใหม่ขึ้นบริเวณลานตากข้าวของสหกรณ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่สมาชิกอีกทางหนึ่ง
นายมานะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสหกรณ์ยังได้รับเงินอุดหนุนจ่ายขาดจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่นิคมสหกรณ์ โดยนำมาใช้ขุดสระน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ทางการเกษตร แก้ไขปัญหาในช่วงหน้าแล้ง จำนวน 11 สระ งบประมาณสระละ 30,000 บาท ซึ่งเป็น 11 จุดนำร่องการทำเกษตรผสมผสานสู่การขยายเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ สร้างความยั่งยืนในอาชีพเกษตรกรรม รวมถึงสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับสมาชิกสหกรณ์
ด้าน นายสฤษดิ์ ครึกครื้น สมาชิกสหกรณ์นิคมชะอำ จำกัด เมื่อก่อนเกษตกรรในพื้นที่จะต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างขาย จึงมักจะถูกพ่อค้ากดราคา แต่หลังจากมีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ ผลิตสินค้าคุณภาพ ยึงมีอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้า จำหน่ายสินค้าได้ราคาดี ส่งผลให้ตนและสมาชิกรายอื่นๆ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชผักอินทรีย์จำหน่ายให้กับสหกรณ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากผลการดำเนินงานที่เห็นเป็นรูปธรรม จึงทำให้วันนี้เกษตรกรรายอื่นๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหกรณ์เพิ่มขึ้น 1,219 คน ตลอดจนสมาชิกมีความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ร่วมกับสหกรณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพการผลิตสินค้าเกษตร นำไปสู่รายได้ที่มั่นคงของสมาชิกต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด