ลูบคม…เทสโก้-บิ๊กซี “เซ็นทรัล” ลงสนามไฮเปอร์ฯ “ท็อปส์พลาซ่า” 2 หมื่น ตร.ม.

“ท็อปส์ พลาซ่า” ศูนย์การค้าขนาดย่อม 20,000 ตร.ม. พร้อมดีเดย์จะอวดโฉมเดือนธันวาคม นำร่องที่แรกเมืองชาละวัน “พิจิตร” จากนั้นเดือนมกราคม 2561 ปล่อยโฉมสาขา 2 ที่ “พะเยา” ต่อทันที โดย “ท็อปส์ พลาซ่า” จะเข้ามาเติมเต็มและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ โดยมี “ท็อปส์” ที่ปรับมาในบทบาทมาเป็นดีเวลอปเปอร์บริหารและขายพื้นที่ ควบคู่กับการดึงแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ทั้งร้านอาหาร แฟชั่น หรือโรงหนังเข้ามาเปิดร่วมทัพไปด้วยกัน

“ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เล่าว่า เป็นทิศทางการขยายธุรกิจของท็อปส์ ซึ่งจะไปในจังหวัดที่ขนาดย่อม ถ้านับตามรูปแบบการลงทุนศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัล เซ็นทรัลพัฒนาจะไปในเมืองขนาดใหญ่และหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ ส่วนโรบินสันจะไปลงทุนในเมืองที่ระดับรองลงมา และอาจพูดได้ว่าโมเดลท็อปส์ พลาซ่าจะไปในเมืองระดับ 3 เป็นการแบ่งกันตามขนาดของเมือง ประชากร และไลฟ์สไตล์ตามพื้นที่นั้น ๆ

“ถามว่าโมเดลนี้ เราชนกับไฮเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้ และบิ๊กซี หรือเปล่า กลุ่มลูกค้าก็จะคล้าย ๆ กัน เราจะมีความหลากหลายของสินค้าในท็อปส์ ขณะเดียวกันร้านค้าต่าง ๆ ที่ไปด้วยกันก็จะตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ เรามีโรงหนังเข้ามาด้วย”

สอดคล้องกับทิศทางการขยายสาขาของท็อปส์โมเดลต่าง ๆ ในปัจจุบันที่จะเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ด้วยเป้าหมายครอบคลุม 302 สาขาในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็นซูเปอร์คุ้ม 102 สาขา, ฟู้ดฮอลล์ 8 สาขา, ท็อปส์ มาร์เก็ต 93 สาขา, ซูเปอร์สโตร์ 4 สาขา, ท็อปส์ เดลี่ 67 สาขา และร้านกาแฟเซกาเฟโด้ 26 สาขา เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ผู้บริหาร “เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล” ฉายภาพตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงปลายปี โดยเฉพาะตลาดกระเช้าของขวัญที่จะเข้ามาเป็นสีสันกระตุ้นกำลังซื้อโค้งท้าย ว่าภาพรวมตลาดในปีที่ผ่านมามูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท แต่ปีนี้คาดว่าการขยายตัวกว่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งท็อปส์จะเน้นคัดสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลกจัดลงกระเช้าดีไซน์หลากหลายกว่า 140 แบบ พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดเงินสดหรือบัตรของขวัญรวมสูงสุด 35% หรือเลือกรับเงินคืนเพิ่มสูงสุด 18% รวมถึงการผ่อนชำระ 0% สูงสุด 3 เดือน

แม้เพิ่งเริ่ม “คิกออฟ” เทศกาลโค้งท้ายปลายปี ไม่ได้นาน แต่กลุ่ม “ค้าปลีก” กลับไม่ยอมนิ่ง เตรียมซุ่มขนสารพัดหมัดเด็ดออกมาปลุกเร้าไม่หยุดต่อจากนี้

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์