พิลึกศึกตลาดกลางข้าวสาร ตลาดไท-เจ้าสัวเข้าวินทั้งคู่

ปิดจ็อบ “พาณิชย์” เคาะเลือก “ตลาดไท-เจ้าสัว” ชนะคู่ทำตลาดกลางข้าวสารฯผ่านหลักเกณฑ์ทีโออาร์ให้รายเดียว ทิ้งทวนโค้งสุดท้ายก่อนปรับ ครม.

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน มีหนังสือ พณ. 0401.4/ว1135 เวียนแจ้งไปยังเอกชนที่ชนะการคัดเลือกผู้ดำเนินการตลาดกลางข้าวสารสู่มาตรฐานสากล ทั้ง 2 รายคือ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซ์เชนต์ จำกัด จ.ปทุมธานี (ตลาดไท) และบริษัท ตะวันนา ไนท์บาซาร์ จำกัด (ตลาดต่อยอด AEC หรือตลาดตะวันนา) จ.พระนครศรีอยุธยาจากผู้ที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการนี้ 3 ราย ส่วนอีก 1 รายที่ไม่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก คือ บริษัท บูรณากาญจน์ จำกัด จ.สุพรรณบุรี โดยไม่ได้ระบุเหตุผลในการคัดเลือก ทั้งที่ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกที่กรมการค้าภายในประกาศออกมาว่าจะเลือกเพียง “รายเดียว” เพื่อจัดทำตลาดกลางข้าวสารแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจที่ผลการคัดเลือกออกมาช่วงโค้งสุดท้ายของช่วงที่มีกระแสการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 5

ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังกรมการค้าภาย กระทรวงพาณิชย์ในถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ได้รับแจ้งเพียงว่าเป็นผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ระบุ 2 ราย ว่าต้องมาทำสัญญาในช่วงเวลาไหน แต่มีสัญญาณว่าผู้ชนะการคัดเลือกอาจไม่พอใจ อาจขออุทธรณ์ผลการพิจารณาอีกรอบ

แหล่งข่าววงการค้าข้าว ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ปกติของการพิจารณาคัดเลือก และสาเหตุความล่าช้า นับตั้งแต่ประกาศหลักเกณฑ์ทีโออาร์เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2560 และกำหนดให้แต่ละรายแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะทำงานเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 และแจ้งว่าจะประกาศผลการคัดเลือกในวันที่24 กรกฎาคม 2560 แต่ก็เลื่อนออกไป

จากนั้น นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายในแจ้งว่า มอบให้คณะกรรมการคัดเลือกซึ่งมีนางสาวสุทัศนีย์ ราชเรืองระบิน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน นัดผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก 2 รายมาเจรจาต่อรองในรอบ 2 แต่ก็มีการเลื่อนนัดหลายครั้ง กระทั่งวันที่ 4 กันยายน 2560 ได้เชิญตัวแทนทั้ง 2 ตลาดเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ในช่วงตุลาคม ซึ่งมีข่าววงในแจ้งว่าตลาดไทชนะ แต่อีกฝั่งไม่ยอมจึงเดินเกมผลักดันให้พิจารณาใหม่

“วงการข้าวมั่นใจว่ากลุ่มตลาดไทจะต้องชนะหากพิจารณาตามหลักเกณฑ์เรื่องความความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจด้านเกษตร และทางกลุ่มนี้มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มโรงสี จึงมีความได้เปรียบในทุกด้าน แต่อีกฝ่ายมีผู้ใหญ่สนับสนุนจึงเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่มีใครอยากตอบคำถาม หากถามว่าผู้ที่ชนะการคัดเลือกจะได้สิทธิประโยชน์มากมายเพียงใด ใน

ทีโออาร์ระบุเพียงว่า เอกชนที่ชนะต้องลงทุนเอง รัฐจะช่วยสนับสนุนเรื่องประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แล้วอะไรเป็นแรงจูงใจในการลงแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะธุรกิจใหญ่ต้องการเข้ามาครอบงำธุรกิจข้าวหรือ แต่ก็ไม่มีใครยอมให้คำตอบ”

อนึ่ง โครงการนี้เกิดขึ้นหลังจากนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2559 และได้เยี่ยมชมตลาดกลางข้าวสารในจีน จึงเห็นควรจัดตั้งตลาดกลางข้าวสาร เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก

ที่มา ประชาชาติธุรจ