วว.จับมือบริษัทคัดแยกขยะรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ นำ วทน. แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และขยะพลาสติกในชุมชน

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จับมือบริษัทคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด ร่วมส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ประโยชน์ในชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน พร้อมนำร่องโครงการในพื้นที่ตำบลตาลเดี่ยว จังหวัดสระบุรี  เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดหมู่บ้านต้นแบบนวัตกรรมสีเขียว โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ของบริษัทคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด ในการคัดแยกขยะชุมชน ขยะพลาสติก และขยะอื่นๆ ร่วมกับการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จาก วว. ในการเพิ่มมูลค่าขยะชุมชน

           ดร.ลักษมี  ปลั่งแสงมาศ  ผู้ว่าการ วว.  กล่าวว่า  ปัจจุบันขยะมูลฝอยเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องดำเนินการแก้ไข เพราะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมโดยตรง อีกทั้งขยะกลุ่มย่อยสลายได้ยาก เช่น พลาสติก หากมีการจัดการที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลกระทบในระยะยาว ทั้งปัญหาสุขภาพของประชาชนและปัญหาสภาวะโลกร้อน นอกจากนี้เมื่อปริมาณขยะเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และห่วงโซ่อาหารตามมาอีกด้วย ดังนั้นการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้มีการเร่งรัดการควบคุมมลพิษทั้งทางอากาศ น้ำเสีย และขยะ ที่เกิดจากการผลิตและบริโภค เพื่อสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ประชาชน โดยให้ความสำคัญในการเร่งรัดแก้ไขปัญหาการจัดการขยะเป็นลำดับแรก

           “….เพื่อให้การแก้ไขปัญหาขยะชุมชนดังกล่าวประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น วว. และบริษัทคัดแยกขยะเพื่อ
รีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวร่วมกัน จึงได้ลงนามความร่วมมือในการนำผลงานวิจัยพัฒนาด้าน วทน. เข้ามาบูรณาการ มีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเชิงบูรณาการของทั้งสองฝ่าย ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งการจัดการขยะชุมชนในตำบลตาลเดี่ยว จังหวัดสระบุรี โดยมุ่งเน้นการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน วทน. ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะชุมชนเพื่อสร้างโอกาสให้กับพื้นที่ในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมสร้างงาน สร้างอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในตำบลตาลเดี่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

            ดร.สมไทย  วงษ์เจริญ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล บริษัทให้ความสำคัญต่อการคัดแยกขยะชุมชน ขยะพลาสติก และขยะอื่นๆ เพื่อรีไซเคิลและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการจัดการแก้ไขปัญหาขยะชุมชนดังกล่าว การขับเคลื่อนและผลักดันการแก้ไขปัญหา ควรมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการคัดแยก เน้นการคัดแยกขยะที่ต้นทาง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จึงควรมีการใช้องค์ความรู้ทางด้าน วทน. มาขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐต่อการจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้นวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนสู่ประเทศไทย 4.0 โดยบริษัท คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งภายในและภายนอกประเทศ เป็นแหล่งเรียนรู้ดูงาน ฝึกอบรม ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น คณะสำนักนายกรัฐมนตรี  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสภานิติบัญญัติ และคณะสถานทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประเทศไทย เป็นต้น

“…การบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จึงเป็นการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการคัดแยกขยะที่ต้นทางอย่างก้าวกระโดด ในการใช้องค์ความรู้ วทน. มาใช้แก้ไขปัญหาและสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้ชุมชนสามารถรับรู้และเข้าใจต่อบริบทการคัดแยกอย่างเป็นรูปธรรม…” ดร.สมไทย กล่าว

          ทั้งนี้ ขอบเขตความร่วมมือในการบูรณาการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือฯ มีดังนี้  วว. จะจัดฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ ในการจัดการประเภทขยะชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความตระหนักและรับรู้ให้กับประชาชนในตำบลตาลเดี่ยว และดำเนินการการถ่ายทอดเทคโนโลยี องค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อมและเพิ่มมูลค่าขยะพลาสติกเหลือทิ้งอย่างครบวงจรและเทคโนโลยีการพัฒนาพลังงานทดแทนจากขยะและสิ่งเหลือทิ้งให้กับบุคลากรแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการดำเนินงาน ในส่วนของบริษัทคัดแยกขยะเพื่อ
รีไซเคิลวงษ์พาณิชย์ จำกัด จะให้การสนับสนุนสถานที่ในการศึกษาดูงานระบบการคัดแยกขยะพลาสติกแบบครบวงจร และสนับสนุนวิทยากรในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการคัดแยกและเพิ่มมูลค่าขยะเพื่อการรีไซเคิล อันจะทำให้การบูรณาการผสานความร่วมมือในครั้งนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับหน่วยงานทั้งสองฝ่าย อีกทั้งจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติกในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป