เผยแพร่ |
---|
‘บิ๊กตู่’ นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดนโยบายอีอีซี เร่งรัดแผนปฏิบัติการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ส่งเสริมเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม-นวัตกรรมดิจิทัล แผนบุคลากร-ศึกษา กระตุ้นเปิดหวูดลงทุน 2 โครงสร้างพื้นฐานต้นปี’61 หลัง พ.ร.บ.อีอีซี บังคับใช้ต้นปี
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บอร์ดนโยบายอีอีซี) ครั้งที่ 3/2560 โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 22 พฤศจิกายน โดยเสนอประเด็นต่อที่ประชุมพิจารณา ดังนี้ แผนภาพรวมและแผนพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัย เทคโนโลยีและแผนพัฒนาพื้นที่อีอีซี การประกาศเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี การบริหารและการดำเนินงานภายในสำนักงานคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (สกรศ.) ได้แก่ การปรับโครงสร้างภายในเพื่อรองรับ พ.ร.บ.อีอีซี การขอตั้งสำนักงานแห่งใหม่เพื่อรองรับนักลงทุน การขอแต่งตั้งรักษาการรองเลขาธิการและผู้เชี่ยวชาญพิเศษ การของบประมาณในการดำเนินงานของสำนักงานเพิ่มเติมในงบประมาณรายจ่ายงบกลางปี 2561 และการพิจารณาเรื่องเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล ขณะเดียวกันจะมีการแจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่อีอีซีแหล่งข่าวระบุต่อว่า นอกจากนี้ จะมีการรายงานความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในพื้นที่อีอีซี ได้แก่ สนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการ 3 ท่าเรือในพื้นที่อีอีซี รถไฟทางคู่ และศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา พร้อมทั้งขออนุมัติโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งเป็นโครงการในอีอีซี โปรเจ็กต์ ลิสต์ แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกในอีอีซี โปรเจ็กต์ ลิสต์ และรายงานความคืบหน้าการชักจูงนักลงทุนรายสำคัญในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมกันนี้จะมีการเสนอที่ประชุมเห็นชอบและรองรับรายงานการประชุมของการประชุมคณะกรรมการนโยบายอีอีซี ครั้งที่ 2/2560 ที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา“ที่ประชุมจะเสนอ พล.อ. ประยุทธ์ ให้อนุมัติโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และศูนย์ซ่อมและบำรุงอากาศยาน มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 200,000 ล้านบาท เพื่อให้เป็น 2 โครงการแรกที่จะมีการประกาศร่างขอบเขตงานหรือทีโออาร์ช่วงเดือนธันวาคมนี้ และเริ่มประมูลต้นปี 2561” แหล่งข่าวกล่าว นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายอีอีซี ได้พิจารณาแผนการพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัยและเทคโนโลยี รองรับความต้องการแรงงานสำหรับพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศในพื้นที่อีอีซีรวม 63,567 คน ภายใน 5 ปี (ปี 2560-64) ซึ่งผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารอีอีซีแล้ว และคณะกรรมการได้ให้เพิ่มการเชื่อมโยงกับโครงการที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการอยู่ เพื่อให้การพัฒนาครอบคลุมและเกิดผลสำเร็จมากที่สุด และคาดว่ากฎหมายอีอีซีคือร่าง พ.ร.บ.อีอีซี จะประกาศใช้ช่วงเดือนมกราคม 2561 ซึ่งภายหลังกฎหมายประกาศใช้ อาจมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายอีอีซี ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ เป็นประธาน ในพื้นที่อีอีซี
ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน