ฝรั่ง และมะขามป้อม ไม้ใกล้ตัว แต่มาไกลคนละขอบฟ้า

ในอดีต หรือแม้แต่ปัจจุบัน คนไทยเห็นชาวยุโรปหรืออเมริกา ที่มีรูปร่างใหญ่โต ผิวขาว จมูกโด่ง จะเรียกว่าฝรั่งรวมกันไปหมด ดังนั้น ชาวยุโรปชาติโปรตุเกส เป็นผู้นำต้นไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยนำมาจากอเมริกากลาง ที่ประเทศเม็กซิโก

กัวเตมาลาไปจนถึงเปรู คนไทยจึงเรียกว่าต้นฝรั่งมาจนถึงปัจจุบัน ต้นฝรั่ง จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับชมพู่ และยูคาลิปตัส ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เปลือกลำต้นสีเขียวอมน้ำตาล กิ่งก้านเหนียว ผลมีรูปร่างทั้งกลมไปจนถึงกลมรีเหมือนรูปไข่ ฝรั่งต้องการแสงแดดจ้า ชาวสวนฝรั่งในที่ลุ่มภาคกลางนิยมยกเป็นร่องสวน เป็นวิธีป้องกันน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันยังสะดวกในการจัดการน้ำ และการขนส่งด้วยเรือลำเล็กๆ วิ่งไปตามร่องสวนนั่นเอง ตัวอย่างพันธุ์ฝรั่งที่พบเห็นกัน เช่น พันธุ์สาลี่สีทอง ลักษณะผิวของผลแก่ สีเขียวอมเหลือง เนื้อผลมีรสหวาน น้ำหนัก 350-500 กรัม ต่อผล พันธุ์กลมสาลี่ หรือฝรั่งเวียดนาม เป็นพันธุ์ที่ให้ผลดก รสหวานกรอบ รสหวานอมเปรี้ยว มีฝาดบ้างเล็กน้อย น้ำหนักผลอยู่ระหว่าง 300-350 กรัม พันธุ์แอปเปิ้ล ใบและผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักผลอยู่ระหว่าง 0.80-1.10 กิโลกรัม เนื้อหนา ไม่มีเมล็ด ข้อเสียคือติดผลน้อย และ พันธุ์แป้นสีทอง ผลกลมใหญ่ ส่วนหัวบุ๋มลงไปมาก ผลแก่มีผิวสีเหลืองอมเขียว เนื้อหนาละเอียด รสชาติดี มีน้ำหนักเฉลี่ย 1 กิโลกรัม ต่อผล ปัจจุบันมีพันธุ์นำเข้ามาปลูกในบ้านเรา แต่ละช่วงมีหลากหลายพันธุ์เป็นที่ทราบกันดี

มะขามป้อม มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา ต่อมาชาวตะวันตกนำเข้ามาปลูกที่ประเทศอินเดีย แล้วกระจายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มะขามป้อมอยู่ในสกุลเดียวกับมะยม และผักหวาน มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เปลือกลำต้นสีเขียวอ่อนปนเทา กิ่งห้อยลู่ลงต่ำ ดอกมีขนาดเล็ก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.0-2.5 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง สีเขียวใส เนื้อแข็ง กรอบ อมเปรี้ยวอมฝาด อมแล้วชุ่มคอชื่นใจ

ในประเทศไทยพบมากในป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบัน  มีผู้นำพันธุ์ที่มีผลขนาดใหญ่จากอินเดีย และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค การขยายพันธุ์มะขามป้อมทำได้ทั้งวิธีเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และการเสียบยอด