สนพ.จับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ 310 แห่งปรับปรุงระบบก๊าซชีวภาพ

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สนพ.ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตรวจเยี่ยมและสำรวจโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก และโครงการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ที่มีอายุการใช้งานของระบบไม่ต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 310 แห่ง

หลังจากกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสนับสนุนโครงการผลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ตั้งแต่ปี 2538-2556 มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,164 ฟาร์ม ทำให้บางฟาร์มมีอายุการใช้งานระบบยาวนานกว่า 10 ปี ประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพลดลง

ดังนั้นการตรวจสอบครั้งนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพของระบบก๊าซชีวภาพฟาร์มเลี้ยงสัตว์ผ่านการฝึกอบรม การดูแลแก้ไขปรับปรุงและบำรุงรักษาระบบ โดยเริ่มเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ถึงกรกฎาคม 2560

นายทวารัฐกล่าวว่า เบื้องต้นจากผลการสำรวจฟาร์ม 310 แห่ง พบว่าสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ 24,966,810 ลูกบาศก์เมตรต่อปี แบ่งเป็นกลุ่มฟาร์มที่มีประสิทธิภาพในการทำงานของระบบสูงกว่า 80% ของกำลังการผลิต จำนวน 194 ฟาร์ม สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ 15,704,040 ลูกบาศก์ เมตรต่อปีและกลุ่มฟาร์มที่มีประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่ำกว่า 80% ของกำลังการผลิต จำนวน 116 ฟาร์ม ผลิตก๊าซชีวภาพได้ 9,262,770 ลูกบาศก์เมตรต่อปี

โดยฟาร์มที่อยู่ในกลุ่มประสิทธิภาพทำงานของระบบฯ ต่ำกว่า 80% ของกำลังการผลิต สามารถปรับปรุงระบบตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ที่ได้เข้าฝึกอบรมจากโครงการฯ เพื่อให้ระบบกลับมาใช้งานได้ หรือทำให้ระบบมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของกำลังการผลิต จะทำให้สามารถผลิตก๊าซชีวภาพเพิ่มขึ้นอีก 3,089,290 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่าพลังงานไฟฟ้า 6,178,580 หน่วยต่อปี หรือคิดเป็น 24,096,462 บาทต่อปี

“การส่งเสริมให้มีการนำของเสีย ทั้งจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม มาผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศ ยังช่วยแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม” นายทวารัฐกล่าว