วว.จับมือพันธมิตรเปิดตัวผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากสายพันธุ์อาช่าฝีมือนักวิจัยไทย

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จับมือพันธมิตร เปิดตัวผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากสายพันธุ์อาช่า…มีฤทธิ์กระตุ้นการเจริญของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้สูงที่สุด หวังเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตร นำผลงานฝีมือนักวิจัยไทยใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ พร้อมผลิตจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นายสายันต์  ตันพานิช  รองผู้ว่าการกลุ่มวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ  วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้ร่วมวิจัยกับบริษัทเอเดนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากสายพันธุ์อาช่า ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้าจากเมือกหอยทาก ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลว มีสีเหลืองใส และมีความคงตัวที่ดี  หลังการทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ภายใต้สภาวะที่เร่งโดยใช้การสลับร้อนและเย็นเป็นเวลา 6 รอบ  พบว่าผลิตภัณฑ์มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และกระตุ้นการเจริญของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้สูงถึง 96.85% และมีคุณสมบัติชะลอวัยที่ดี โดยสามารถกระตุ้นการเจริญของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้สูงที่สุด และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังภายใน 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาของ วว. กับพันธมิตรคือ บริษัทเอเดนไทยอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภายใต้ดครงการฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้และใช้ประโยชน์จากหอยทากที่มีมากในเขตจังหวัดนครนายก สำหรับการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพื่อการผลิตจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ

“วว. มีความพร้อมในการรับวิเคราะห์ ทดสอบ บริการวิจัย ด้านสมุนไพร เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแก่เอกชนและประชาชนทั่วไป ทั้งนี้แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าผู้ที่มีผิวหนังแพ้ง่ายควรทดลองใช้ครีมหอยทาก โดยการทดสอบป้ายที่ท้องแขนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะเป็นสารสกัดที่มีเอนไซม์จากสัตว์ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางราย…ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้าจากเมือกหอยทาก เป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยที่มีศักยภาพในการช่วยลดการทำลายผลผลิตการเกษตร พัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรไทย เพิ่มรายได้และก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากหอยทาก ที่มีเป็นจำนวนมากในทุกจังหวัดที่มีความชุ่มชื้น สู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน…” รองผู้ว่าการ วว. กล่าว