ชีวีตดีขึ้นทันตาเห็น! ‘ชาวกาฬสินธุ์’ หนีทำนาขาดทุนหันปลูก ‘หอมแบ่ง’ โกยเงิน 6 หมื่น/เดือน

เมื่อวันที่ 4 มกราคม จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ ช่วงเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้ง พบว่ามีเกษตรกรชาวบ้านเหล่า หมู่ 5 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ รายหนึ่ง ได้แบ่งพื้นที่ที่เคยทำนาปรังเป็นแปลงเพาะปลูกหอมแบ่งจำหน่ายตามตลาดนัดชุมชน เผยปลูกง่าย รายได้ดีเดือนละกว่า 6 หมื่นบาท

นางหนูน้อย ภูชาบุตร อายุ 52 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า มีพื้นที่นา 5 ไร่ อยู่ในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาว ทุกปีผ่านมาเมื่อถึงฤดูแล้ง จะแบ่งพื้นที่นาออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งปลูกข้าวนาปรัง อีกส่วนหนึ่งจะปลูกพืชประจำฤดูที่อายุสั้น ใช้น้ำน้อย เช่น พืชตระกูลแตง ข้าวโพด ผักสวนครัวต่างๆ จำหน่ายตามตลาดนัดชุมชน แต่ในฤดูแล้งปีนี้ ได้ล้มเลิกการปลูกพืชทุกชนิด เนื่องจากได้ค้นพบสูตรการปลูกหอมแบ่ง ที่เป็นทางเลือกใหม่ ได้เงินดี เพื่อที่จะมีเวลามาทุ่มเทกับการดูแลแปลงหอมแบ่งอย่างเต็มที่

นางหนูน้อยกล่าวอีกว่า แปลงเพาะปลูกหอมแบ่งของตนใช้แรงงานเพียง 2 คนคือตนกับสามี เดิมจะปลูกหอมแบ่งในแปลงดิน ซึ่งดูแลยาก ต้องหมั่นรดน้ำเช้าเย็น กำจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ยบำรุง และจะเพาะปลูกได้ผลดีในระยะสั้นๆ คือในฤดูหนาวเท่านั้น ขณะที่ความต้องการของตลาดมีตลอดปี จึงเกิดไอเดียใหม่ว่า น่าจะทดลองปลูกในกระถางหรือถุงดำบ้าง เพื่อง่ายต่อการดูแล และยังสามารถหยิบยกเคลื่อนย้ายไปจำหน่ายได้ในสภาพที่ยังสดใหม่ หรือหากขายไม่หมด ก็ไม่เฉี่ยวเฉา ยังนำไปในวันต่อไปได้อีกโดยไม่เสียหาย

“ตอนแรกเริ่มจากถอนเหง้าหอมแบ่งจากแปลงที่เพาะในดินมาแบ่งปลูกในถุงดำถุงละ 1 ต้น ซึ่งใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอก แต่เก็บความชื้นไม่ดีนัก หอมเติบโตช้า จึงใช้วิธีใหม่ ลงทุน 3,000 บาท ซื้อถุงดำ กากมันสำปะหลัง แกลบดำ นำมาผสมดินร่วนแล้วบรรจุถุง ปรากฏว่าเก็บความชุ่มชื้นได้ดี และหอมเติบโตเร็ว 15 วันสามารถแบ่งเหง้าออกปลูกกระถางต่อไปได้ อายุ 45 วันนำไปจำหน่าย คือเริ่มต้นเพียงเหง้าเดียว แต่ทุกๆ 15 วันสามารถจัดแบ่งหรือขยายออกเป็นเหง้าละ 3 ถุง จำหน่ายถุงละ 10 บาท ขนย้ายขึ้นไปขายตามตลาดนัดชุมชนเช้าเย็น รายได้เฉลี่ยวันละ 1,500 – 2,000 บาท หรือเดือนละประมาณ 6 หมื่นบาท ซึ่งดีกว่าปลูกข้าวที่ต้นทุนสูง ราคาไม่แน่นอนและขาดทุน จึงตั้งเป้าจะขยายพื้นที่เพราะปลูกหอมแบ่งให้มากขึ้นอีก เพราะทำง่าย รายได้ดีมากๆ ช่วงนี้มีในแปลงประมาณ 1,000 ถุง ซึ่งสามารถแบ่งขยายพันธุ์ได้เรื่อยๆ” นางหนูน้อยกล่าว

นางหนูน้อยกล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปการจำหน่ายหอมแบ่ง จะถอนทั้งหัวและใบรวมกันมัดละ 10 บาท ซึ่งแต่ละมัดจะต้องใช้หอมแบ่งจำนวนมากไม่น้อยกวา 10 เหง้า แต่จากการค้นพบวิธีเพาะปลูกหอมแบ่งในถุง จะช่วยลดจำนวนหอมแบ่งและสร้างมูลค่าเพิ่มอีกด้วย ลูกค้าที่รับซื้อไปยังสามารถนำไปแบ่งปลูก เก็บกินในครัวเรือนได้อีกนาน หรือจะขยายพันธุ์ต่อก็ได้ การจัดหอมแบ่งปลูกในถุงดำ นอกจากจะดูแลง่ายแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี เป็นการปลูกหอมแบ่งทางเลือกใหม่ ที่พบแล้วว่าอนาคตจะไปได้ดี และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วไป นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปจัดเป็นสวนหย่อม บริเวณหน้าบ้าน รั้วบ้าน ให้สวยงาม โดยเฉพาะเด็ดใบเก็บไว้ประกอบอาหารกินนานๆ แบบว่าซื้อครั้งเดียวถุงเดียว 10 บาท สามารถเก็บกินตลอดปี หรือจะแบ่งถุงขยายพันธุ์แจกเพื่อนบ้าน เป็นของขวัญฝากญาติมิตรช่วงปีใหม่ก็ได้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์