คริสเทล โกลสเทน กับธุรกิจดำน้ำ บีบี ไดเวอร์ส@เกาะช้าง

ความสวยงามที่ได้พบ

นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวจังหวัดตราดเพิ่มขึ้นทุกปี หากดูข้อมูล ปี 2560 ในจำนวน 13 ล้านคน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ จำนวน 2.3 ล้านคน นิยมท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการัง สัตว์น้ำต่างๆ ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกในจังหวัดตราด ประมาณ 150,000 คน หรือประมาณอัตรา ร้อยละ 7 ด้วยจังหวัดตราดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทะเล มีเกาะต่างๆ ที่เป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อ เช่น เกาะรัง เกาะเทียน เกาะยักษ์ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง และปี 2555 มีแหล่งดำน้ำนอกเขตอุทยานฯ ที่เป็นที่นิยมของนักดำน้ำลึกแบบสคูบา

เมื่อองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ได้สนับสนุนวาง “เรือช้าง” ขนาดใหญ่ กว้าง 20 เมตร ยาว 110 เมตร สูง 26 เมตร บริเวณหินลูกบาศก์ ด้านใต้เกาะช้าง ให้เป็นบ้านปลาขนาดใหญ่ จึงเป็นการฟื้นฟูสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเล หลังจากวางเรือมา 5 ปีเต็ม

 

คริสเทล โกลสเทน ผู้บุกเบิกธุรกิจดำน้ำ

“คริสเทล โกลสเทน” Mrs. Kristel Golsteyn ชาวเบลเยียม วัย 50 ปีเศษ ที่หลงใหลเสน่ห์ของการดำน้ำในเมืองไทยมากที่สุดที่เกาะช้าง วางมือจากการเป็นผู้จัดการห้างสรรพสินค้าในเบลเยียม เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หันมาทำธุรกิจดำน้ำ ภายใต้ชื่อ บีบี ไดเวอร์ส (BB DIVERS) ที่เกาะช้าง และขยายสาขาไปเกาะกูด เกาะหมาก เป็นที่รู้จักดีของบรรดานักดำน้ำต่างประเทศ

คุณคริสเทล โกลสเทน

คุณโกลสเทน เล่าว่า ย้อนเวลาไปเมื่อ 17 ปี ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยและชอบการดำน้ำมาก เคยไปดำน้ำทางภาคใต้หลายจังหวัด และเมื่อมาเกาะช้างมีความรู้สึกหลงใหลกับเสน่ห์ของทะเลและการดำน้ำที่เกาะช้างมาก ซึ่งตราดเป็นจังหวัดเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร สะดวกที่ชาวต่างประเทศจะเดินทางมาท่องเที่ยว หรือดำน้ำ โดยใช้เวลาไม่นานนัก รวมทั้งผู้คนมีอัธยาศัยไมตรี สภาพท้องถิ่นผู้คนยังคงวัฒนธรรมดั้งเดิม เมื่อมามีครอบครัวเป็นคนไทยกับ คุณจเร สังขกุล มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านบางเบ้า ปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการ “บางเบ้าสปีดโบ๊ท” และประธานชมรมเรือดำน้ำดูปะการังหมู่บ้านบางเบ้า ปี 2545 ได้ตัดสินใจมาใช้ชีวิตที่เกาะช้าง ทำธุรกิจดำน้ำ “บีบี ไดเวอร์ส” (BB DIVERS) ที่ หมู่ที่ 1 บ้านบางเบ้า ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด

 

Advertisement

บีบี ไดเวอร์ส (BB DIVERSทัวร์ดำน้ำ และสอนหลักสูตร PADI

“ส่วนตัวชอบดำน้ำมาก เห็นว่านักท่องเที่ยวที่มาเกาะช้างส่วนหนึ่งที่มีจำนวนมากต้องการมาดำน้ำ แต่ที่เกาะช้างหรือเกาะใกล้เคียงยังไม่มีธุรกิจดำน้ำ จึงเปิดร้าน บางเบ้า ไดเวอร์ส ทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ดำน้ำ ให้บริการนักดำน้ำ นักท่องเที่ยว ดูปะการัง ทั้งน้ำตื้น น้ำลึก ตามเกาะต่างๆ รอบๆ เกาะช้าง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ และเปิดธุรกิจสอนดำน้ำ “บีบี ไดเวอร์ส” ระยะแรกๆ เป็นครูสอนดำน้ำเองด้วย ใช้หลักสูตรดำน้ำของสถาบัน PADI ตั้งแต่หลักสูตรนักดำน้ำชั้นต้น (Open Water Diver) นักดำน้ำชั้นสูง (Advanced Open  Water Diver) กู้ภัย (Rescue and EFR) และหลักสูตรการเป็นผู้ควบคุมการดำน้ำ (Dive Master) ที่สามารถเรียนต่อเป็นครูสอนดำน้ำ (Diving Instructor) ได้

Advertisement

เมื่อสำเร็จจะได้ใบรับรองจากสถาบัน PADI (Professional Association of Diving Instructors : PADI) ปัจจุบันสามารถผลิตนักดำน้ำที่เป็นครูผู้ช่วยไดฟ์มาสเตอร์ ทำงานอยู่กับ บีบี ไดเวอร์ส ที่เกาะช้าง ต่อมาธุรกิจไปได้ดีจึงขยายสาขาไปเปิดบริการให้นักดำน้ำที่เกาะกูด 2 แห่ง เกาะหมาก 2 แห่ง ที่มีแหล่งดำน้ำอยู่บริเวณใกล้เคียง” คุณโกลสเทน กล่าว

ความสวยงามที่ได้พบ

เรือช้าง แหล่งดำน้ำลึก “ไล่ล่าภาพฉลามวาฬ”

คุณโกลสเทน กล่าวว่า จุดลงเรือที่ท่าเทียบเรือบางเบ้า เสมือนเป็นเซ็นเตอร์ที่จะเดินทางจากเกาะช้างไปแหล่งดำน้ำตามเกาะต่างๆ เช่น เกาะรัง เกาะเทียน เกาะยักษ์ และในระยะ 2-3 ปี ที่ผ่านมา มีจุดที่วางเรือช้างเป็นไฮไลต์ที่สุดคือ บริเวณหินลูกบาศก์ อยู่ห่างจากท่าเรือบางเบ้า ประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ทเพียง 30 นาที เรือไม้ ประมาณ 50-60 นาที เรือช้างเป็นเรือรบขนาดใหญ่ กว้าง 20 เมตร ยาว 110 เมตร สูง 26 เมตร มีห้องต่างๆ ในเรือ เหมาะกับการดำน้ำเพื่อหาประสบการณ์และมือใหม่ หลังจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สนับสนุนงบประมาณ วางเรือช้าง เมื่อปี 2555

เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริเวณรอบๆ เรือช้าง มีนักดำน้ำให้ความนิยมมาดำน้ำลึกแบบสคูบา (Scuba Diving) จำนวนมาก เนื่องจากไม่มีคลื่นลม น้ำใส เป็นแหล่งปลาอันอุดมสมบูรณ์ เป็นเส้นทางของฝูงปลา มีปลาบางชนิดเป็นสัตว์น้ำที่หายาก เช่น ปลาแมงป่อง ปลาหิน เต่ามะเฟือง

ที่ไม่เคยเห็นนานเป็น 10 ปี ไฮไลต์คือ ปลาฉลามวาฬ ขนาดลำตัวยาว 4-5 เมตร หมุนเวียนกันมาเยือนปีละ 5-6 ตัว นักดำน้ำต่างประเทศที่มาพบเจอจะโพสต์ภาพคู่ฉลามวาฬ เผยแพร่ภาพ ข้อความในโซเชี่ยลมีเดีย ทำให้นักดำน้ำหลายคนมาไล่ล่าถ่ายภาพกับฉลามวาฬ

“ลูกค้าที่มาดำน้ำที่เรือช้าง จะดำแบบสคูบา ค่าใช้จ่ายไดฟ์ละ 3,000 บาท ปกติจะดำ วันละ 1-2 ไดฟ์ บางคนดำสำรวจตามห้องต่างๆ หรือรอบๆ เรือ 3-4 ไดฟ์ทีเดียว บริษัทดำน้ำบนเกาะช้างที่มีอยู่ 4 บริษัท มีนักท่องเที่ยวที่เป็นนักดำน้ำ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย มีจีน เกาหลีบ้าง มาดำน้ำบริเวณเรือช้างในฤดูกาลท่องเที่ยวเดือนตุลาคมถึงเมษายน ปี 2558-2560 มีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปี 2558 วันละประมาณ 30-60 คน รายได้ประมาณ 18.9 ล้านบาท ปี 2560 เพิ่มขึ้น เฉลี่ยวันละ 50-100 คน รายได้ประมาณ 31.5 ล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 30% ซึ่งนักดำน้ำเหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จะใช้จ่ายค่าที่พัก อาหาร และแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมต่างๆ ทำให้รายได้กระจายออกไป” คุณโกลสเทน กล่าว

 

มองโอกาส สร้างงานให้ท้องถิ่น

คุณโกลสเทน เล่าถึงการทำธุรกิจ บีบี ไดเวอร์ส ว่า ทีมงานมีครูสอนดำน้ำ (Diving Instructor) ชาวต่างประเทศ 4-5 คน และได้พยายามฝึกสอนเด็กลูกเรือ 9 คน ที่เป็นคนท้องถิ่นให้มีความรู้เรื่องการดำน้ำเพื่อเป็นครูผู้ช่วยไดฟ์มาสเตอร์ และสามารถพัฒนาผู้ควบคุมการดำน้ำ ไดฟ์มาสเตอร์ได้ โดยพยายามสร้างเด็กในท้องถิ่นของเกาะช้างที่ทำงานเป็นลูกเรือเดิม มีรายได้เดือนละประมาณ 10,000 บาทเศษ ให้มีความรู้เป็นครูผู้ช่วยไดฟ์มาสเตอร์ จะได้เงินเดือน เดือนละ 15,000 บาท และไดฟ์มาสเตอร์ เดือนละ 30,000-40,000 บาท ตอนนี้มีเรียนอยู่ 2 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเป็นการลงทุนสูง ต้องใช้เวลา และต้องเลือกสร้างคนที่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งการดำน้ำและภาษาอื่นๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ดัตช์ รัสเซีย เยอรมัน จีน ที่สำคัญต้องเชื่อมั่นว่าเขาเรียนจบแล้วจะทำงานอยู่กับเรา เพราะเป็นการเรียนที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย จากคอร์สที่เรียนไดฟ์มาสเตอร์ ปกติใช้เวลา 3-6 สัปดาห์ เสียค่าใช้จ่าย 40,000 บาท

“โอกาสที่เด็กๆ ในท้องถิ่นที่เป็นลูกเรือทั่วๆ ไปหากพัฒนาตัวเองเข้ามาทำอาชีพดำน้ำ ทั้งผู้ช่วยไดฟ์มาสเตอร์ และไดฟ์มาสเตอร์ มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เพราะเด็กๆ ในท้องถิ่นเรียนรู้วิถีชีวิตในทะเล รู้จักสภาพท้องทะเล ดินฟ้า อากาศ การใช้เรือดีอยู่แล้ว จะพัฒนาได้ง่ายและรวดเร็ว ที่สำคัญเงินเดือนของการเป็นลูกเรือต่างกันมากกับผู้ช่วยไดฟ์มาสเตอร์ และไดฟ์มาสเตอร์ จึงพยายามฝึกให้เด็กในท้องถิ่นพัฒนาตัวเองเป็นครูผู้ช่วยไดฟ์มาสเตอร์ และผู้ควบคุมการดำน้ำไดฟ์มาสเตอร์ ซึ่งตลาดแรงงานยังเปิดกว้างอยู่ และเป็นอาชีพที่สามารถพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ถึงครูสอนดำน้ำมีเงินเดือนสูงมาก ถ้ามีความสามารถ” คุณโกลสเทน กล่าว

 

ปัญหาดูแลเรือช้าง สร้างแหล่งดำน้ำขนาดใหญ่เพิ่ม

“เรือช้าง เริ่มมีปัญหาเรื่องการดูแลและการอนุรักษ์โครงสร้างเรือ เพราะสภาพโดยรอบที่วางทุ่นไว้เป็นที่หมายได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ทำให้เรือบางลำเข้าทอดสมอใกล้เรือช้างมาก หรือเรือบางลำจะผูกเชือกเรือไว้กับเสากระโดงเรือ คาดว่าต่อไปเสากระโดงเรือและโครงสร้างเรือส่วนต่างๆ จะหักและถูกทำลายไปด้วย ทำให้โครงสร้างของเรือช้างที่ดูยิ่งใหญ่ และมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญ 73 ปีมาแล้ว สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเรื่องเล่าที่นักดำน้ำให้ความสนใจอาจจะเลือนหายไป จึงอยากให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาเป็นแกนกลาง ประสานงานดูแลวางทุ่นจอดเรือ การทิ้งสมอเรือ การผูกเรือกับโครงสร้างต่างๆ ของเรือ ซึ่งบรรดาเรือที่ทำธุรกิจดำน้ำยินดีให้ความร่วมมือ ส่วนบริเวณที่วางเรือช้างเป็นจุดที่เป็นแหล่งปลาอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว หากจะมีการวางเรือเพิ่มขึ้นอีก ให้เป็นแนวกำแพงต่อกันสร้างแหล่งปลาขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น บริเวณเรือช้างจะเป็นแหล่งดำน้ำขนาดใหญ่ที่นักดำน้ำต่างประเทศทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย ใฝ่ฝันที่จะมาดำน้ำลึกมากกว่า 1 ครั้ง” คุณโกลสเทน กล่าว

สนใจท่องเที่ยวดำน้ำ กับ บีบี ไดเวอร์ส โทร. (086) 129-2305 หรือ (039) 558-040