คนเลี้ยงสุกรอ่วม! แม่พันธุ์ล้น ฉุดราคาหมูดิ่งเหว ขาดทุนตัวละ 1,500 บาท พ้อรัฐไม่ดูแล

นายสุรชัย สุทธิธรรม สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาสุกรตกต่ำทั่วประเทศ ซึ่งเกิดจากการที่เกษตรกรขยายแม่พันธุ์สุกรเกินปริมาณที่จำเป็นจากปกติที่ทั่วประเทศควรมีแม่พันธุ์ไม่เกิน 1 ล้านตัว แต่ขณะนี้คาดว่ามีมากถึง 115,0000 ตัว โดยในแม่พันธุ์ 1 ตัวสามารถให้ลูกได้ถึง 20 ตัวต่อปี ส่งผลให้ขณะนี้มีลูกสุกรเกิดมามากถึง 2-3 ล้านตัว จากเดิมที่มีประมาณ 1 ล้านตัวเท่านั้น

สาเหตุที่มีแม่พันธุ์เกินความต้องการ เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาสุกรค่อนข้างดีและมีเสถียรภาพทำให้เกษตรกรขยายฟาร์มและแม่พันธุ์ออกไปเรื่อยๆ ทำให้ราคาจำหน่ายสุกรหน้าฟาร์มต่อกิโลกรัม (ก.ก.) ตกต่ำโดยราคาสุกรหน้าฟาร์มภาคตะวันตก ราคา 46-47 บาท ตะวันออก 50 บาท อีสาน 49 บาท เหนือ 54 บาท ใต้ 52 บาทเท่านั้น จากที่เคยจำหน่ายได้เฉลี่ยก.ก.ละ 65 บาท เท่ากับว่าขาดทุนเฉลี่ยถึงตัวละ 1,500 บาท และคาดว่าจะยังคงราคานี้ต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าแผนการลดจำนวนแม่พันธุ์สุกรจะได้ผล โดยขณะนี้ทางสมาคมอยู่ระหว่างการลดจำนวนแม่พันธุ์ทั้งประเทศด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้มีการบริโภคสุกรมากขึ้นเช่นการทำหมูหันเพื่อลดแม่พันธุ์ กิจกรรมจำหน่าย เนื้อสุกรราคาถูกพิเศษทั่วไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันตกใน จ.ราชบุรี ภาคอื่นๆ และการจำหน่ายปลีกตามห้างค้าปลีกเช่น แมคโคร โลตัส บิ๊กซี เพื่อหวังให้ราคาสุกรเพิ่มสูงขึ้น

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผู้เลี้ยงสุกรยังประสบปัญหาต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นเพราะราคาอาหารสัตว์สูงขึ้นทุกชนิดเช่น ราคารับซื้อข้าวโพดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ปรับขึ้น 3-12 บาทต่อหาบ หรือ 60 ก.ก. ในหลายโรงงาน ทำให้ราคาข้าวโพดวันนี้อยู่ที่ 561-588 บาทต่อหาบ หรือราคา 9.3-9.8 บาทต่อก.ก. และรัฐบาลก็กำหนดให้ซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉพาะในประเทศเท่านั้น ทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกในการหาวัตถุดิบในการเลี้ยงสุกรในราคาที่ถูกกว่า จึงต้องแบกรับภาระต้นทุนนี้ต่อไป และจนถึงขณะนี้ภาครัฐก็ยังไม่ได้เข้ามาดูแลปัญหาของผู้เลี้ยงสุกร อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ สมาคมจะเรียกสมาชิกเพื่อหารือถึงมาตรการใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

 

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์