มกอช. รุกกลุ่มผู้นำเกษตรกร สร้าง Q อาสา

มกอช.เสริมความรู้ระบบการผลิตพืชอาหารปลอดภัยตามมาตรฐาน GAPมกอช.เร่งสร้าง Q อาสาใน 4 จังหวัด มุ่งเป้าผู้นำกลุ่มเกษตรกร Young Smart Farmer ประธานศพก.และอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หวังถ่ายทอดความรู้เสริมความรู้ระบบการผลิตพืชอาหารปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หรือ มกอช. เป็นหน่วยงานกลางด้านมาตรฐานสินค้าเกษตรของประเทศ มีบทบาทหน้าที่กำหนดมาตรฐาน ส่งเสริมการนำมาตรฐานสินค้าเกษตร ไปใช้ตลอดห่วงโซ่อาหาร รวมถึงการเจรจาแก้ปัญหาทางการค้าเชิงเทคนิค เพื่อปรับปรุงและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรของไทยให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศการสร้างเครือข่ายและการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร เป็นสิ่งสำคัญ มกอช. จึงสร้าง Q อาสา ขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานรัฐกับเกษตรกร ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP ตลอดจนมีการสร้างเครือข่ายการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสินค้าเกษตร ในปี 2561 มกอช. มีแผนจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการผลิตพืชอาหารปลอดภัยตามมาตรฐานสินค้าเกษตร (โครงการ Q อาสา) จำนวน 1 รุ่น

“ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการ Q อาสา ปี 2559 จัดอบรมไปแล้ว 3 รุ่น ผลิต Q อาสา จำนวน 135 คน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สระแก้ว และพัทลุง ซึ่ง Q อาสาเหล่านั้น ได้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการผลิตพืชอาหารปลอดภัย โดยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัด/อำเภอ และเจ้าหน้าที่ของ มกอช. โดยการตรวจประเมินเบื้องต้น (Pre Audit) และให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรที่จะยื่นขอการรับรอง GAP ในปี 2560 ได้ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรจำนวน 539 ราย ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเข้าสู่มาตรฐาน GAP ได้ทั้งสิ้น 411 ราย คิดเป็นร้อยละ 76.25 สำหรับปี 2561 พื้นที่เป้าหมายที่ Q อาสา จะเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรเข้าสู่มาตรฐาน GAP พืชอาหาร มีทั้งหมด 6 จังหวัด คือ พิจิตร(แปลงใหญ่) กำแพงเพชร(แปลงใหญ่) พัทลุง(แปลงใหญ่) พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และสระแก้ว จังหวัดละ 100 แปลง รวมทั้งสิ้น 600 แปลง คาดว่าแปลงเกษตรกรที่ยื่นขอการรับรอง GAP พืชอาหาร จะสามารถปรับเปลี่ยนเข้าสู่มาตรฐาน GAP ได้ไม่น้อยกว่า 420 แปลง คิดเป็นร้อยละ 70 ของเกษตรกรที่ยื่นขอการรับรอง” นางสาวเสริมสุขกล่าว.