รับเทรนด์อุตฯอาหารไทยเปลี่ยน! กสอ.ผนึกสถาบันอาหาร ผุดหลักสูตรอบรม SME ไทยสู่ตลาดโลก

วันที่ 30 มกราคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ร่วมกับสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดตัวกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการด้วยเครื่องมือการบริหารจัดการสมัยใหม่ (Advance SME Program) ประจำปี 2561 ซึ่งเป็นการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมเอสเอ็มอีทั้งด้านทักษะการผลิต การบริหารจัดการ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สู่การเป็นสมาร์ทเอสเอ็มอีและโกลบอลเอสเอ็มอี

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเป็นปีแรกภายใต้งบประมาณปี 2561 โดยหลักสูตรที่จัดอบรมมีความเข้มข้นหลายด้าน มุ่งเน้นการพัฒนาเอสเอ็มอีกลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพ (S-Curve) โดยเฉพาะ ซึ่งในปีแรกจะมุ่งเน้นไปที่เอสเอ็มอีในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) 60 คน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตทางเศรษฐกิจสูง มีศักยภาพในการยกระดับสู่ตลาดโลก

“คาดหวังว่าผู้ประกอบการจะสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนธุรกิจ การบริหารจัดการในด้านต่างๆ รวมทั้งการจุดประกายแนวคิดในการทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี ระบบดิจิทัล นวัตกรรม เพื่อยกระดับการผลิตสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และขยายการเติบโตไปสู่ตลาดโลก โดยตั้งเป้าว่าเมื่อเสร็จสิ้นการอบรมจะเกิดนวัตกรรมใหม่ไม่น้อยกว่า 1 เรื่อง ผู้ประกอบการมียอดขายเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 3-5” นายกอบชัยกล่าว

นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สถาบันอาหารได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานในการดำเนินการออกแบบและจัดกิจกรรมฝึกอบรมที่เหมาะกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจะเริ่มจัดอบรมตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.-พ.ค. 2561 ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบเข้าร่วมโครงการ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่สถาบันอาหาร

“โดยแนวคิด วิธีการ การพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีในครั้งนี้จะใช้แนวทางที่เป็นแบบ Construction Learning ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการดำเนินการจัดทำหลักสูตร ได้แก่ การบรรยาย การถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากผู้บริหารระดับสูง การอบรมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และการแบ่งกลุ่มเพื่อระดมความคิด ตลอดจนมีการให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างใกล้ชิดจากวิทยากรของโครงการ รวมถึงจัดกิจกรรมตรวจประเมินปัญหา วินิจฉัย ประเมินศักยภาพของผู้ประกอบการ จัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ทดสอบตลาด และกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงเครือข่าย ทั้งนี้ การอบรมดังกล่าวได้รับเกียรติจากวิทยากรชั้นนำของประเทศไทย ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นผู้บรรยาย” นายยงวุฒิกล่าว

นายยงวุฒิกล่าวต่อว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมเดิมที่มีการส่งออกในรูปวัตถุดิบหลักไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง ซึ่งมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.รูปแบบสินค้าเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ มีแนวโน้มพึ่งพิงรายได้จากสินค้าหลักลดลง (สินค้าหลัก 8 รายการ ได้แก่ ข้าว ไก่ กุ้ง ทูน่ากระป๋อง น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง สับปะรดกระป๋อง และข้าวโพดหวานปรุงแต่ง) โดยจะมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้น เช่น อาหารอนาคต อาทิ อาหารสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ เพราะการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตสูง แม้ว่าปัจจุบันยังมีมูลค่าการส่งออกไม่มากนัก

Advertisement

2.ตลาดส่งออกเปลี่ยนแปลงไป จะเห็นได้จากอัตราการเติบโตของการส่งออกสินค้าอาหารของไทยในปี 2560 เทียบกับปี 2559 ที่พบว่าในกลุ่มซีแอลเอ็มวีเพิ่มขึ้น 10.6% ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 6.9% จีนเพิ่มขึ้น 9.7% ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาค เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทิศทางการค้าอาหารของไทยเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะที่ไทยมีความตกลงการค้าที่สำคัญภายในภูมิภาค เช่น FTA อาเซียน-จีน ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทยญี่ปุ่น (JTEPA) และประชาคมอาเซียน ทำให้มีการลดการพึ่งพิงตลาดส่งออกเดิมลง เช่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป และมีการกระจายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดภายในภูมิภาคที่มีความตกลงทางการค้า เช่น เดิมอาเซียน ญี่ปุ่น และจีน

Advertisement

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารของไทยปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2560 ในอัตรา 5.3-10.3% โดยมีมูลค่าส่งออกอยู่ในช่วง 1.07-1.12 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มประเทศอาเซียนยังคงเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 30 รองลงมาคือญี่ปุ่น ร้อยละ 14 สหรัฐฯ ร้อยละ 10 จีนและแอฟริกามีสัดส่วนเท่ากันร้อยละ 9 ตามลำดับ

 

ที่มา : ประชาชาติะุรกิจออนไลน์