เผยแพร่ |
---|
พร้อมเปิดตลาดสินค้ากระเทียม เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ภายใต้ WTO ปี 61-63 สศก.เตรียมนำเข้า เสนอ ครม.เร็วๆ นี้ แนะ เกษตรกรรวมกลุ่มกันหรือร่วมกับสหกรณ์ ชะลอการจำหน่ายผลผลิตช่วงออกผลผลิตตลาดมาก จะช่วยลดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ มีมติเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้ากระเทียม เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ภายใต้ความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2561-2563 ตามที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง เสนอ
สินค้ามันฝรั่งผู้ประกอบการที่ได้รับการจัดสรรโควตาภายใต้ความตกลง WTOจะต้องมีการทำสัญญารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร โดยมีการปรับเพิ่มราคารับซื้อผลผลิตมันฝรั่งสดจากเกษตรกรในช่วงแล้ง (มกราคม – มิถุนายน) จากเดิมไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.40 บาท ปรับเป็นไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10.60 บาท และรับซื้อในช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม – ธันวาคม) ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14.00 บาท ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการ โดยมีการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนดไว้
สำหรับการเปิดตลาดสินค้าดังกล่าว อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไปนอกจากนี้ สศก.ได้ร่วมกับกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้ากระเทียม หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง จากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พ่อค้าและผู้ประกอบการในการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น รวมถึงมีมาตรการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ให้แก่สหกรณ์เพื่อชะลอการจำหน่ายผลผลิต
ทั้งนี้ ปี 2561 สศก.คาดว่าผลผลิตกระเทียมจะมีประมาณ 76,000 ตัน และหอมหัวใหญ่ ประมาณ 41,000 ตัน โดยจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้กระเทียมในประเทศอยู่ที่ 100,000 – 130,000 ตัน และหอมหัวใหญ่อยู่ที่ 80,000 ตัน ซึ่งมากกว่าผลผลิตที่ผลิตได้ในประเทศ ดังนั้น หากเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันหรือร่วมกับสหกรณ์ เพื่อชะลอการจำหน่ายผลผลิตในช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะเป็นการช่วยลดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำได้อีกทางหนึ่ง