เผยแพร่ |
---|
กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ไม่ขยับขึ้นตามธนาคารกลางสหรัฐที่เตรียมปรับดอกเบี้ยอีกรอบเป็นพิเศษ ชี้เหตุเพื่อหนุนเศรษฐกิจไทยมีขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังกังวลกำลังซื้อโดยรวมยังปรับตัวช้า เพราะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง เตือนภาคธุรกิจจับตาค่าเงินบาทเพราะผันผวนรุนแรง
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ที่ประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อไป เพราะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากการส่งออกสินค้าและบริการที่ปรับตัวดีขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน รวมทั้งแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ ซึ่งนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงไตรมาส 2/2561
“อย่างไรก็ดีกำลังซื้อของครัวเรือนโดยรวมยังปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโครงสร้างในตลาดแรงงานและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง การลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางดีขึ้น และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องตามการลงทุนของภาครัฐ เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าสหรัฐและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์” นายจาตุรงค์กล่าว
เลขานุการ กนง.กล่าวอีกว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือปัจจัยในกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นพิเศษ ซึ่ง กนง.มีความชัดเจนว่าการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะต้องดูปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะปัจจัยภายในประกอบ เช่น ทิศทางการขยายตัวเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน ความสมดุลของนโยบาย ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เพราะนโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรน
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท กนง.พิจารณาว่าที่ผ่านมามีความผันผวนสูงมาก มาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก และเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเป็นไปได้ทั้ง 2 ข้าง กนง.จึงอยากให้ภาคธุรกิจพิจารณาความผันผวน และบริหารจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของธุรกิจตัวเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561