ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม รศ.สพญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ และอาจารย์ประจำคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่านอกจากปลากระเบนตายแล้วยังพบปลากะพงตายจำนวนมาก หลังจากที่ลงพื้นที่ไปดูปลากะพงในกระชังที่ตาย พบว่าตัวใหญ่ตายเกือบหมด ทำให้จำนวนปลากะพงเริ่มหยุดตายแล้ว ยังคงมีแต่ตัวเล็กรอด อย่างไรก็ตามจากการผ่าตัวปลาที่ตาย เบื้องต้น พบว่า ตับ ดูมีเนื้อตายเปลี่ยนสีและเลือดคั่งเป็นหย่อมๆ, ไต บวมมาก มีเลือดออกและคั่ง, เหงือก เปื่อย, กระเพาะอาหาร มีปื้นเลือดออก, ลำไส้ อักเสบบางส่วน ซึ่งประกะพงที่มีอาการเยอะ เพราะทนกว่ากระเบน ทนรับสารพิษหลายวันกว่าจะตายทำให้อวัยวะภายในพังเสียหายมากกว่ากว่ากระเบน ซึ่งผลโดยละเอียดต้องรอตรวจชิ้นเนื้ออีก 2 สัปดาห์ จึงขอให้รัฐช่วยส่งวิตามินบำรุงตับให้ปลาในกระชังที่เหลือกิน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้ปลา
นายอุทัย สิงโตทอง ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่าจังหวัดสมุทรสงครามมีผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน(เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำแม่กลอง)รวม 27 ราย แยกเป็นปลากะพง 22 ราย ได้รับความเสียหาย 13 ราย รวม 115,285 กิโลกรัม รวมมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท ส่วนปลาทับทิมที่มี 5 ราย ไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนซากปลากระเบนที่ตายในแม่น้ำแม่กลอง ระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 11 ตุลาคม และเจ้าหน้าที่นับทำลายแล้ว 45 ตัว แยกเป็นอำเภอเมืองสมุทรสงคราม 19 ตัว อำเภออัมพวา 13 ตัวที่เหลือพบในเขตอำเภอบางคนที 13 ตัว