จุดพลุ ครม.สัญจร จันทบุรี-ตราด โอกาสการพัฒนา… เกาะช้าง

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำทัพ ครม.ชุดใหญ่ ลงพื้นที่จันทบุรีและตราด เมื่อวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2561 โดยมีภารกิจหนึ่งตรวจเยี่ยมพื้นที่เกาะช้าง ในการรับข้อเสนอโครงการเพิ่มศักยภาพพื้นที่หมู่เกาะช้าง เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงอย่างยั่งยืนนั้น ล่าสุดได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการโครงการเร่งด่วน คือ โครงการพัฒนาถนนเชื่อมรอบเกาะ และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองพร้าว รวมถึงปัญหาที่อุทยานฯทับซ้อนที่ทำกินของชาวบ้าน

ล่าสุด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เสนอเส้นทางแนวสีน้ำเงิน ระยะทาง 10.4 กิโลเมตร ระดับดิน 6 กิโลเมตร ยกระดับ 4.4 กิโลเมตร โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่บ้านคลองกลอย ผ่านบ้านหวายแฉก และบ้านสลักเพชร ซึ่งเป็นเส้นทางที่หลีกเลี่ยงพื้นที่ป่าลุ่มน้ำชั้น 1A ทั้งนี้ให้กรมทางหลวงชนบทสำรวจออกแบบและศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนดำเนินโครงการ

ถนนเชื่อมเกาะช้าง 2.5 พัน ล.

“จักรกฤษณ์ สลักเพชร” นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้างใต้ จ.ตราด กล่าวว่า ถนนบนเกาะช้างมีระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร แต่ยังเหลือระยะทางอีกกว่า 10 กิโลเมตรที่ยังไม่เชื่อมรอบเกาะ ส่งผลให้ชาวบ้านฝั่งหมู่บ้านบางเบ้า-บ้านสลักเพชร เดินทางไม่สะดวก และเสียค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งได้เสนอขอให้อุทยานฯทำถนนเชื่อมต่อตั้งแต่ปี 2545 และในปี 2556 ได้มีการทำ EIA แต่ไม่ผ่าน เนื่องจากเป็นบริเวณเขตลุ่มน้ำนานาชาติชั้นเอ

ภายหลัง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มารับฟังความคิดเห็น จึงขอให้มีการทำถนนเชื่อมต่อโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นความต้องการของชาวบ้านอย่างแท้จริง และเชื่อว่าการตัดถนนจะช่วยให้ชาวบ้านเกาะช้างอยู่ดูแลทรัพยากรป่าไม้ ไม่ขายที่ดิน ทำให้มีการกระจายรายได้ ซึ่งภาพรวมของเศรษฐกิจเกาะช้างในอนาคต รองรับการพัฒนา EEC ถนนที่เลียบชายฝั่งทะเลจะผ่านบริเวณหัวหาดหวายแฉกที่สวยที่สุดของเกาะช้าง เป็นจุดขายธรรมชาติด้านการท่องเที่ยวของเกาะช้างที่คุ้มค่ามาก แต่สิ่งที่ต้องหารือกันอีกคือเรื่องของงบประมาณที่เดิมงบประมาณก่อสร้างอยู่ที่ 1,889 ล้านบาท ปรับเป็น 2,500 ล้านบาท

แก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน

ขณะเดียวกัน การประกาศเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างเมื่อปี 2525 ก็สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านที่ทำกินและอยู่อาศัยมาก่อนร่วม 100 ปี โดยมีที่ดินที่กรมอุทยานฯประกาศทับซ้อนประมาณ 50% เช่น หมู่บ้านเจ๊กแบ้เกือบทั้งหมู่บ้าน โรงเรียนประชุมเมฆอัมพร และที่ดิน บภท.5 ที่มี 956 แปลง พื้นที่ 19,888 ไร่ ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ต้องสำรวจเร่งพิสูจน์สิทธิ์ใหม่ เป็นรายแปลงและอนุมัติเป็นแปลงไป โดย อบต.เกาะช้างใต้มีหนังสือร้องขอไปยังกรมอุทยานฯแล้ว

Advertisement

ด้าน “เกริกชัย พรหมดวง” ธนารักษ์พื้นที่ตราด กล่าวว่า กรมธนารักษ์ได้รับมอบที่ดินที่ราชพัสดุบนเกาะช้างตามมติ ครม.ปี 2510 ให้ดูแลพื้นที่ 18,000 ไร่ ซึ่งจัดให้ชาวบ้านเช่าไปแล้ว แต่ปี 2525 กรมอุทยานฯประกาศมีพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งตามระเบียบจำกัดสิทธิ์ชาวบ้านในการประกอบอาชีพ ต้องมีการตรวจสอบเช่นเดียวกับที่ของชาวบ้าน

อ่างเก็บน้ำคลองพร้าวแก้แล้ง

Advertisement

ขณะที่ “วันรุ่ง ขนรกุล” กำนันตำบลเกาะช้าง กล่าวว่า ปี 2560 เกาะช้างมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1.3 ล้านคน ทำรายได้กว่า 7,000 ล้านบาท และแนวโน้มนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่ปัญหาการขาดแคลนน้ำยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยช่วงฤดูแล้งปัญหารุนแรงต้องซื้อน้ำ ซึ่งท้องถิ่นได้มองเห็นปัญหาและเสนอขอสร้างอ่างเก็บน้ำมาร่วม 16 ปีแล้ว โดยกรมชลประทานออกแบบไว้ขนาด 2.35 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) สามารถรองรับปริมาณการใช้น้ำได้ทั่วทั้งเกาะในระยะยาว 10 ปี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ 93 ไร่ และเอกชน 13 ไร่ โดยได้ทำข้อตกลงทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้เมื่อปี 2556 กรมชลประทานได้ทำการศึกษา EIA และออกแบบ ใช้งบประมาณ 400 ล้านบาทเศษ แต่ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ ล่าสุดกรมอุทยานฯยังไม่อนุมัติเรื่องผลกระทบทางน้ำ (ปะการัง) ซึ่งกรมชลประทานมีมาตรการแก้ไขรองรับแล้ว


รมว.ทส.ให้เร่งโปรเจ็กต์ถนน

“พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีรับทราบปัญหาความต้องการของพื้นที่อำเภอเกาะช้าง และได้ให้การสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเกาะช้าง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 จึงได้นัดประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อพิจารณาโครงการสร้างถนนเชื่อมรอบเกาะช้าง และอ่างเก็บน้ำคลองพร้าว ซึ่งทั้งสองโครงการต้องดำเนินการเร่งด่วนและต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว ส่วนปัญหาพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินทับซ้อนกับกรมอุทยานฯจะมีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูลเพื่อหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนต่อไป

“ปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางน้ำ (ปะการัง) กรมชลประทานได้มีมาตรการแก้ไข โดยต้องเร่งประสานกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯให้เร็วที่สุด และนำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติให้ความเห็นชอบ เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่อุทยานและอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ต่อไป น่าจะไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาถนนรอบเกาะ จะต้องมีการประสานกรมป่าไม้ และกรมทางหลวงชนบท เพื่อสำรวจเส้นทางที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วนเช่นกัน ส่วนการพิสูจน์สิทธิ์ต้องมีการลงพื้นที่ และจัดตั้งคณะทำงานตามแนวประชารัฐ พูดคุยปรับทัศนคติ ให้คนและป่าอยู่ร่วมกันได้” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว

ด้าน “ดร.ประธาน สุรกิจบวร” รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวถึงทางเลือกการเชื่อมถนนรอบเกาะช้างว่า ในแผนเดิมการเชื่อมถนนมี 3 แนวทางเลือก ซึ่งล่าสุดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้เสนอเส้นทางที่ไม่ผ่านลุ่มน้ำชั้น 1A แต่ใช้งบประมาณถึง 2,500 ล้านบาท แต่หากใช้แนวถนนดินเดิมของอุทยานที่มีอยู่แล้ว กว้าง 3 เมตร (แนวกั้นถนน 6 เมตร) และทำถนนให้ทะลุไปอีก 3 กิโลเมตร น่าจะใช้งบประมาณไม่มากนักจากที่ประมาณ 300 ล้านบาท แต่ต้องผ่านลุ่มน้ำนานาชาติชั้น 1A หากกรมอุทยานแห่งชาติฯอนุมัติตามมาตรา 19 น่าจะใช้งบประมาณกรมทางหลวงชนบทก่อสร้างได้ ส่วนการบริหารจัดการการใช้เส้นทางช่วงนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานเกาะช้างจะดูแลความปลอดภัยพื้นที่ที่มีความเสี่ยง กำหนดเวลาปิด-เปิด และผ่านได้กรณีฉุกเฉิน ถ้าเป็นแนวทางนี้จะทำให้ก่อสร้างได้เร็วขึ้นเพราะใช้งบประมาณไม่มาก

ในอนาคตประชาชนบนเกาะช้างคงจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวที่จะรับอานิสงส์ตามมาด้วย

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์