ผู้เขียน | พัฒนา นรมาศ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อประชากรในเขตกรุงเทพมหานครเพิ่มมากขึ้น การสร้างอาคารพาณิชย์หรือที่อยู่อาศัยก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน พื้นที่ทำการเกษตรก็ลดลง การผลิตเกษตรจึงต้องเน้นให้ได้คุณภาพมาตรฐานเป็นสำคัญ
การเสวนา งานสร้างการรับรู้นโยบายภาครัฐ เพื่อพัฒนาการเกษตร กทม. หรืองานสร้างการรับรู้นโยบายภาครัฐด้านการเกษตรสู่ชุมชน เป็นหนึ่งทิศทางสู่พัฒนาการเกษตรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ด้วยการระดมสมองจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร ปราชญ์ชาวบ้าน และสื่อมวลชน มาร่วมแสดงแนวคิด วิธีการเหมาะสม เพื่อนำไปสู่พัฒนาการผลิตเกษตรที่ได้คุณภาพ
คุณประเสริฐ สุทธิ์เตนันท์ เกษตรกรุงเทพมหานคร เล่าว่า เป็นโอกาสดีที่ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ เกษตรกร ปราชญ์ชาวบ้าน เอกชน และสื่อมวลชน มาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปพัฒนาการเกษตรที่ได้คุณภาพมาตรฐาน
สภาพพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีพื้นที่การเกษตร 120,450 ไร่ เกษตรกร 7,032 ครัวเรือน พืชที่สำคัญได้แก่ พื้นที่ทำนา 87,397 ไร่ เกษตรกร 3,328 ครัวเรือน กล้วยไม้ 1,514 ไร่ เกษตรกร 243 ครัวเรือน ไม้ดอกไม้ประดับรวมสนามหญ้า 488 ไร่ เกษตรกร 94 ครัวเรือน พืชผัก 2,188 ไร่ เกษตรกร 658 ราย และอื่นๆ

วิถีการเกษตรเปลี่ยนแปลง จึงต้องส่งเสริมทำการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ภายใต้นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วยการให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำกิจกรรมพืช สัตว์ ประมงหรือแปรรูป จะช่วยให้เกษตรกรได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำหรือจัดหาปัจจัยการผลิตราคาถูกเพื่อลดต้นทุนการผลิต เป็นศูนย์รวมการรองรับข้อมูลวิชาการ มีอำนาจต่อรองด้านการตลาด ในด้านสังคมจะเกิดบูรณาการในการทำงานในพื้นที่ระหว่างเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน
ในด้านเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งการลดรายจ่าย สร้างรายได้เพิ่มในครัวเรือนเกษตรกร ด้วยการดำเนินการตามศาสตร์พระราชา ที่มุ่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่แบบพึ่งพาตนเองก่อนแล้วจึงเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันกับภายนอก ตามแนวทางพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในทางสายกลางคือ : พอประมาณ : มีเหตุผล : มีภูมิคุ้มกันในตัวดี
คุณชวน ชูจันทร์ ผู้แทนสภาเกษตรกรกรุงเทพมหานคร เล่าว่า การดำเนินงานของสภาเกษตรกรคือ การรวบรวม ศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด ส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มของกลุ่มเกษตรกรเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ประสานการดำเนินงานร่วมกับองค์กรเกษตรกร เกษตรกร สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัยและหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เกษตรกรทุกกลุ่มกิจกรรมได้พัฒนาการเกษตรที่ได้มาตรฐานและยั่งยืน

วิถีชีวิตของประชาชนที่นี่มักอยู่คู่กับน้ำ น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการเกษตรและยังชีพ การเข้าร่วมในโครงการ 9101 ก็เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมมีความมั่นคง และการเปิดให้มีตลาดน้ำคลองลัดมะยมคือ ความต้องการของชุมชนเพื่อได้นำผลผลิตการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์มาวางขายเป็นการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชน เกษตรกร
คุณวิวัฒน์ นุ่มกำเนิด ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เล่าว่า สินค้าเกษตรคุณภาพเป็นความต้องการของตลาด จึงได้ดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวกับศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) การรวมกลุ่มเกษตรกรทำกิจกรรม เพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนและศูนย์กลางให้เกษตรกรได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันเพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ มีบริการข้อมูลข่าวสารการเกษตร มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
โครงการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ได้ส่งเสริมการใช้สารสมุนไพรทดแทนการใช้สารเคมีทำให้ลดต้นทุนการผลิตและได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น การทำไร่นาสวนผสมหรือเกษตรทฤษฎีใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตเหมาะสมให้มีการผลิตด้วยระบบเกษตรดีที่เหมาะสม หรือ GAP ที่ส่งผลให้ได้สินค้าเกษตรคุณภาพมาตรฐานเข้าสู่ตลาด
คุณกิตติศักดิ์ เต้าประเสริฐ ประธานอาสาสมัครเกษตรกรุงเทพมหานคร เล่าว่า อาสาสมัครเกษตรกรก็คือโครงการสร้างความแข็งแกร่งเกษตรกรตั้งแต่ระดับเยาวชนขึ้นไป หรือ Young Smart Farmer และ Smart Farmer ด้วยการสนับสนุนและการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ เสริมสร้าง แลกเปลี่ยน เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตเกษตรกรที่มีคุณภาพ
การจัดกลุ่มอาสาสมัครเกษตรกรคือ Smart Farmer อายุ 45 ปีขึ้นไปที่มีรายได้มากกว่า 1 แสนบาท มีสมาชิก 1,118 ราย มีการพัฒนาให้ความรู้เพื่อการเป็นต้นแบบ การประเมินผลคุณสมบัติและการสร้างเครือข่ายระดับจังหวัด
ในส่วน Young Smart Farmer อายุ 13-45 ปี มีสมาชิก 78 ราย มีการฝึกอบรมให้ความรู้ เสริมสร้างแรงจูงใจ มีแผนพัฒนาตนเอง ได้ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านสารภี จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อก่อให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาการเกษตร แต่สิ่งที่ควรคำนึงคือ การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ความมีเหตุผล มีคุณธรรม เพื่อนำไปสู่การยังชีพตามหลักตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พึ่งตนเองได้และมีความมั่นคง
คุณอรสา งามนิยม ตัวแทนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ เล่าว่า สิ่งได้รับจากการเข้าร่วม ในโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี ให้มีพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน ชุมชนได้เป็นผู้กำหนดโครงการพัฒนาด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน การดำเนินงานได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรพื้นที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานเอกชน ที่มุ่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่ก่อนแล้วจึงเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันกับภายนอก
พัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน สมาชิกได้ดำเนินการโครงการ “การแปรรูปผลไม้” ได้รับงบสนับสนุนจากรัฐ สินค้าที่ผลิต ได้แก่ กล้วยฉาบ มันฉาบ เผือกฉาบ หรือการทำคุกกี้จากกล้วยน้ำว้า ในการพัฒนาการผลิตร่วมกัน ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐาน เป็นที่พึงพอใจของตลาดผู้บริโภค และทำให้เกษตรกรมีรายได้มีความมั่นคงที่ยั่งยืน
คุณพัฒนา นรมาศ ที่ปรึกษานิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน เล่าว่า ปัญหาพื้นที่การเกษตรลดลง การทำเกษตรเชิงเดี่ยว การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม การไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารวิชาการเกษตรจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่เพียงพอ จึงผลิตสินค้าเกษตรได้คุณภาพต่ำและส่งผลกระทบกับรายได้ต่อวิถีการยังชีพ
แนวทางแก้ไขคือ ต้องเปลี่ยนไปทำการเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ ภาครัฐ เอกชน ปราชญ์ชาวบ้าน หรือผู้เกี่ยวข้องต้องช่วยกันเร่งแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารด้านวิชาการเกษตร การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมหรือด้านการตลาดไปสู่เกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร ให้ได้เกิดแนวคิดวิธีการเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการผลิตที่ได้สินค้าเกษตรคุณภาพมาตรฐานที่ตรงกับความของตลาด ที่จะทำให้เกษตรกรและประชาชนในชุมชนมีรายได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มั่นคง
คุณนิลยา ตรีวรรัตน์ ผู้สื่อข่าวทีวี ช่อง 3 SD ผู้ดำเนินรายการเสวนา เล่าโดยสรุปว่า “งานสร้างการรับรู้นโยบายภาครัฐด้านการเกษตรสู่ชุมชน” เป็นรูปแบบหนึ่งที่ก่อให้เกิดการรวมกลุ่มรวมกิจกรรมเกษตรของเกษตรกร การเข้าร่วมในโครงการ 9101 มีผลต่อพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน มีแนวทางการจัดการใช้พื้นที่ เงินทุน แรงงาน ปัจจัยการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริมอาสาสมัครเกษตรกร หรือ Young Smart Farmer และ Smart Farmer ก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 มีการผลิตด้วยระบบเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) ที่ได้ผลผลิตคุณภาพมาตรฐานสู่ตลาด มีโครงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผลผลิตการเกษตร เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนมีความมั่นคง ที่สำคัญต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เกษตรกร ปราชญ์ชาวบ้าน ประชาชน หรือภาคเอกชน ความสำเร็จน่าจะอยู่แค่เอื้อมมือถึงหรือไม่ไกลเกินฝันแน่นอน
การเสวนาทำให้ได้แนวทางที่สนองตอบความต้องการของเกษตรกร กรุงเทพมหานครให้นำไปสู่พัฒนาการผลิตเกษตรที่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะการน้อมนำหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ไปเป็นแนวทางการยังชีพเพื่อความมั่นคง สอบถามเพิ่มได้ที่ คุณกัลยา เจริญทรัพย์ สำนักงานเกษตรพื้นที่กรุงเทพมหานคร โทร. (086) 335-3272 ก็ได้ครับ