เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ในการประชุม ก.ค.ศ.ที่มี นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้สอบถามถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วยแบบใหม่ ซึ่งคาดว่า จะเริ่มสอบในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เพื่อบรรจุให้ทันในเดือนตุลาคม 2561 โดยในส่วนของการจัดสอบภาค ก ความรอบรู้และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชาชีพ แน่นอนแล้วว่าจะต้องใช้หน่วยงานกลางเป็นผู้จัดสอบ ซึ่งตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 16/2560 เรื่องการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กำหนดให้ ก.ค.ศ.มอบหมายคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) แต่ละสังกัด หรือหน่วยงานราชการจัดสอบ ดังนั้น ที่ประชุมจึงมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปตรวจสอบสถานะว่าหน่วยงานใดบ้างที่สามารถจัดสอบได้ โดยจะต้องเป็นหน่วยงานทางการศึกษาของรัฐบาล ในส่วนของสถาบันการศึกษา ก็จะต้องเป็นสถาบันที่ยังไม่ออกนอกระบบ และขอให้นำมาเสนอที่ประชุม ก.ค.ศ.ครั้งต่อไปพิจารณา ให้ความเห็นชอบ
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อห่วงใยของนักวิชาการ และสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ค.ศ.ท.) กรณีที่จะเสนอให้ปรับเนื้อหาการสอบภาค ก ให้สอดคล้องกับข้อสอบภาค ก ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยตัดเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครูให้ไปไว้ในภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง ว่า จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้เรียนจบครูมาสอบภาค ข ได้นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ยืนยันว่า ผู้ที่สอบภาค ก ของ ก.พ. หากต้องการสอบภาค ข ของ ก.ค.ศ. จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่ ก.ค.ศ.กำหนด คือ จะต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือมีคุณวุฒิอื่นที่ ก.ค.ศ.กำหนด เป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งครูผู้ช่วย มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหรือหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้เพื่อปฏิบัติหน้าที่สอน ดังนั้น จึงไม่อยากให้นักวิชาการ และ ส.ค.ศ.ท.กังวล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นางสาววนาลี ทุนมาก หรือ ครูแอน และ นางสาวนิราวัลย์ เชื้อบุญมี หรือ ครูวัลย์ ถูกปลดจากครูผู้ช่วยโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม จังหวัดตาก หลังจากสอนได้ 5 เดือน เนื่องจากการดำเนินการบรรจุแต่งตั้งไม่ถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 38 (สุโขทัย-ตาก) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สุโขทัย เขต 2 กศจ.สุโขทัย และ กศจ.ตาก เพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในการสอบบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย และสอบถามว่าการบรรจุแต่งตั้งเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ล่าสุด ได้สอบถามไปยัง สพป.สุโขทัย เขต 1 ในฐานะรักษาการศึกษาธิการ (ศธจ.) สุโขทัย และผู้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งในลำดับที่ 18 บัญชี กศจ.สุโขทัย ว่ามีหนังสือเรียกตัวหรือไม่นั้น ล่าสุด ยังได้เอกสารไม่ครบตามที่ขอ ส่วนผู้ได้รับการขึ้นบัญชีลำดับที่ 18 กศจ.สุโขทัยได้ตอบกลับมายัง ก.ค.ศ.แล้วว่า ยังหาเอกสารดังกล่าวไม่ได้ ดังนั้น ทาง ก.ค.ศ.จึงส่งเรื่องดังกล่าวให้อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับกำกับ ติดตาม และประเมินผลการบริหารงานบุคคล ทำหน้าที่แทน ก.ค.ศ. รวมทั้งเพิ่มนิติกรและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ หลักเกณฑ์ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกลับมารายงาน ก.ค.ศ.โดยเร็วที่สุด รวมถึงขอให้ทาง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ สอบถามผลการสวนวินัยร้ายแรงนายมรกต กลัดสอาด ผอ.สพม.เขต 20 (อุดรธานี) ในฐานะอดีต ผอ.สพม.เขต 38 (สุโขทัย-ตาก) เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ตนได้กำชับให้ อ.ก.ค.ศ. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อต่อไป
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน