คลังแจงโรงงานยาสูบยังพอมีกำไร ค่าเงินเดือนพนักงาน-เล็งเออร์ลี่ 500 คน ลดรายจ่าย

คลังยอมรับปี ’62 โรงงานยาสูบส่อขาดสภาพคล่อง ยันกำไรหดแต่ไม่ถึงกับขาดทุน บุหรี่เคยกำไรซองละ 8 บาท เหลือแค่ไม่ถึง 1 บาท ยันมีเงินเดือนจ่ายพนักงานแน่ ด้านผู้อำนวยการยาสูบผุด “เออร์ลี่รีไทร์” 500 คน ใช้งบ 500 ล้าน หวังลดค่าใช้จ่ายระยะยาว

นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ปี 2561 โรงงานยาสูบจะไม่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะกันเงินค่าใช้จ่ายไว้หมดแล้ว แต่ปี 2562 ทางผู้อำนวยการโรงงานยาสูบกลัวว่าจะมีปัญหาสภาพคล่อง เพราะส่วนแบ่งการตลาดลดลงและกำไรของบุหรี่ต่อซองเหลือน้อยมาก แต่ยืนยันว่าเรื่องจ่ายเงินเดือนพนักงานยังมีเพียงพอไม่มีปัญหา เดิมประเมินว่าปี 2561 จะขาดทุน 1,500 ล้านบาท แต่สถานการณ์การตลาดทำให้ยอดขายดีขึ้น และยาเส้นที่ทดลองทำตลาดก็ได้รับการตอบรับดี น่าจะทำให้ผลการดำเนินงานปี 2561 ไม่ขาดทุน แม้มีกำไรแต่ไม่มากเหมือนปี 2560 ที่มีกำไรถึง 9,000 ล้านบาท

นายยุทธนากล่าวว่า ปี 2560 โรงงานยาสูบส่งรายได้ให้กระทรวงการคลัง 7,000-8,000 ล้านบาท ปี 2561 คาดว่าจะมีกำไรเล็กน้อย ทางคลังขอให้นำเงินส่วนนี้ส่งรายได้ เข้าคลัง 500 ล้านบาท ซึ่งโรงงานยาสูบกำลังพิจารณาว่าจะนำส่งหรือไม่ เพราะต้องเก็บไว้เป็นสภาพคล่อง ส่วนเงินลงทุนของโรงงานยาสูบไม่น่ามีปัญหา เพราะได้มีการกันเงินลงทุนปี 2561 และปี 2562 ไว้หมดแล้ว แต่ ผอ. โรงงานยาสูบอาจจะกังวลบุหรี่มีกำไรน้อยลงมาก ทำให้ ปี 2562 มีปัญหาสภาพคล่องจึงเตรียมการไว้ล่วงหน้า ส่วนแบ่งการตลาดบุหรี่ของโรงงานยาสูบเหลืออยู่ประมาณ 60% จากเดิม 80% ทำให้กำไรลดลง ซองหนึ่งจากกำไร 8 บาท ตอนนี้เหลือไม่ถึงซองละ 1 บาท

น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผอ.โรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ได้เปิดโครงการเกษียณอายุงานก่อนกำหนด หรือเออร์ลี่ รีไทร์ ตั้งเป้า 500 คน คาดใช้เงินไม่น้อยกว่า 500-600 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่ไม่สะดวกจะย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่โรงงานยาสูบแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรม โรจนะ พระนครศรีอยุธยา กับผู้สูงอายุที่สุขภาพไม่ดี มีหนังสือรับรองจากโรงพยาบาลจะได้รับการพิจารณาก่อน การเปิดเออร์ลี่รีไทร์ ครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการ ลดต้นทุนในระยะยาว อีก 3-5 ปี จะลดค่าใช้จ่ายเรื่องพนักงานไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาท

โรงงานยาสูบมีพนักงาน 2,800 คน ยังปฏิบัติงานที่สำนักงานใหญ่คลองเตยราว 1,000 คน อีกราว 1,800 คน ต้องย้ายไปที่โรงงานแห่งใหม่ที่อยุธยา เบื้องต้นสำรวจความต้องการ พบว่ามีคนสนใจเข้าโครงการประมาณ 500 คน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน ฉบับวันพุธที่ 7 มีนาคม 2561