หอค้าจันท์ แนะรัฐดันโครงสร้างพื้นฐานแปรรูปสินค้าเกษตร-เห็นด้วยปรับปรุง กม.แรงงาน

นายจอมศักดิ์ ภูติรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศจะผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโตถึง 5.5% ต่อปีนั้นว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะนโยบายที่รัฐบาลต้องการจะผลักดันให้ภาคตะวันออกเป็นเขตอุตสาหกรรมทางเทคโนโลยีระดับสูง และมีจังหวัดจันทบุรีและตราดเป็นเมืองที่รองรับความเจริญเติบโต

ซึ่งนโนบายนี้ นับเป็นการจุดประกายให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมการผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับสูง แต่นโยบายนี้จะเกิดผลดีได้ ให้ประเทศไทยก้าวเป็นประเทศชั้นนำทั้งในอาเซียนและในเอเชียได้ก็ต้องผลักดันให้ฐานรากมีความเข้มแข็ง และเกิดความมั่นคงด้วย

นายจอมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีฐานทางการผลิตทางด้านเกษตรที่มีศักยภาพสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก การจะทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโตอย่างมั่งคั่ง มั่นคง ถาวรนั้นจะต้องผลักดันสินค้าเกษตรให้มีราคาสูงและมีการพัฒนายกระดับให้มีคุณภาพ และขายได้ในราคาที่สูงมากกว่าการที่จะเน้นการผลิตที่เอาปริมาณเพื่อขายให้ได้มูลค่ามากๆ แต่จะต้องผลักดันให้สินค้าเกษตรที่มีคุณภาพที่มีน้อย แต่ขายมูลค่าสูง ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดี

แต่การจะผลักดันให้เกิดการเติบโตและไปในทิศทางนี้ได้นั้นจะต้องใช้เทคโนโลยีในการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร และการส่งเสริมให้มีการวิจัยสินค้าทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น เพราะวัตถุดิบทางการเกษตรของประเทศไทยมีมากเพียงพอที่จะดำเนินการในเรื่องนี่ได้

“3-4 ปี ที่ผ่านมา ราคายางพาราตกต่ำ ปัจจุบัน ราคาก็ยังไม่สูงขึ้น ในขณะที่ข้าวมีราคาที่ดีขึ้น และมีอนาคต ส่วนสินค้าเกษตรอย่างอื่น โดยเฉพาะผลไม้ ราคาทุเรียนเมื่อ 5-6 ปี ที่ผ่านมา มีราคากิโลกรัมละ 30 บาท แต่วันนี้ราคาทุเรียนเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว และยังสามารถพัฒนายกระดับคุณภาพได้เป็นอย่างดี หอการค้า จ.จันทบุรี ได้พยายามผลักดันในการสร้างตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้สินค้าทางการเกษตรของจันทบุรีส่งไปยังประเทศทั่วโลกได้ แต่รัฐบาลยังไม่สามารถที่จะผลักดันในด้านการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีมาดำเนินการได้ ซึ่งงบประมาณในแต่ละปี ในเรื่องของงานวิจัยและการใช้เทคโนโลยีนั้นมีเพียงน้อยนิด และแนวคิดของรัฐบาลโดยเฉพาะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจ ทางรัฐบาลควรจะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเกษตรกรฐานรากให้ได้ประโยชน์ในเรื่องการแปรรูปและงานวิจัย ที่ไม่ใช่ได้งานวิจัยมาแล้วส่งไปให้บริษัทใหญ่เพื่อไปดำเนินการ แต่ควรจะส่งมาให้เกษตรกรในระดับฐานราก” นายจอมศักดิ์ กล่าว

นายจอมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลปรับปรุงกฎหมายต่างด้าว เพราะที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้ามาทำงาน จะได้รับโทษ ทั้งปรับและจำคุก โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวเองจะต้องถูกจำคุก ส่งผลให้แรงงานต่างด้าวไม่กล้าเดินทางมาทำงานในประเทศไทย

โดยเฉพาะที่จันทบุรีที่ต้องขาดแรงงานเป็นอย่างมาก ทั้งแรงงานด้านการเกษตร ภาคการก่อสร้าง และงานบริการ ที่ปัจจุบันขาดแคลน และมีความต้องการสูง นอกจากนี้ การขยายการลงทุนของทางผู้ประกอบการที่ยังจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวอยู่ กับต้องเผชิญกับอุปสรรคจากกฎหมายที่รัฐบาลได้เข้มงวด ซึ่งเมื่อมีการปรับปรุงแล้ว น่าจะเกิดผลดีต่อการลงทุนในภาคส่วนต่างๆ ด้วย

นายจอมศักดิ์ บอกว่า ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลแก้ไข พ.ร.ก. ก็คือ ธุรกิจด้านประมง ธุรกิจด้านการเกษตร โดยเฉพาะแรงงานที่เก็บผลผลิตทางการเกษตร เช่น สะละ ลำไย ที่ต้องใช้แรงงานตลอดทั้งปี ซึ่งในระยะ 1-2 เดือนนี้ จะมีความต้องการสูงมาก

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลได้มีการแก้ไข ปัญหาเหล่านี้แล้ว ควรจะแก้ไขกระบวนการรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะที่รัฐบาลบอกว่า จะเป็น ONE STOP SERVICE แต่สุดท้ายกลับไม่ใช่ เพราะยังต้องใช้เวลาทำ 15-30 วัน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน