เอกชนโวยข้าวรัฐผิดสเปก ไม่เป็นธรรม จ่อร้องนายกฯ

อลหม่านประมูลข้าวรัฐ หลังเกิดเหตุ “ทหาร” อ้างผู้ใหญ่สั่งห้ามนักข่าวตรวจสอบคลังสุดใจ จ.ชัยนาท ตามที่รับร้องเรียนว่าภายในบรรจุข้าวผิดชนิดกับที่ประมูลได้

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ทางบริษัทร่วมเจริญพัฒนาการข้าว ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้มีการเชิญสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามปัญหา และตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการรับมอบข้าวที่ประมูลได้จาก คลังสินค้าสุดใจ จ.ชัยนาท ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) โดยระบุว่า ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จะร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย

แต่เมื่อไปถึงหน้าคลังกลับพบว่ามีเพียงนางอนุรี อธิคุณากร ผู้อำนวยการกองธุรกิจข้าว อ.ต.ก., คณะกรรมการตรวจสอบข้าวของ อ.ต.ก. , ตัวแทนจากบริษัท เซอร์เวย์เยอร์ และนายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทร่วมเจริญพัฒนาการข้าว ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล เจรจาอยู่ด้านนอกคลัง และมีการหารือกันว่า จะให้ใครเข้าไปตรวจในโกดังได้บ้าง โดยช่วงแรกทางตัวแทน อ.ต.ก.จะไม่ให้นายบรรจงเข้าไป และบอกว่า อ.ต.ก.จะเป็นเข้าไปตรวจสอบเอง แต่นายบรรจงแย้งกลับว่า “ไม่เป็นธรรมหากไม่ให้ทางบริษัทซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลเข้าไปตรวจสอบ แล้วทาง อ.ต.ก.จะนัดมาทำไม”

ระหว่างถกเถียงกันนักข่าวและช่างภาพทีวีก็มีการบันทึกภาพ โดยถ่ายจากด้านหน้าคลังที่เปิดประตูไว้เข้าไปด้านใน ทำให้เห็นสภาพกองข้าวที่เสื่อมสภาพจำนวนมาก เพียงได้ครู่เดียว ก็มีเกิดความชุลมุนขึ้น เมื่อมีบุคคลที่คล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ และบุคคลที่แต่งกายคล้ายทหาร 4 คน ออกมาแจ้งให้นักข่าวยุติการบันทึกภาพและให้ออกจากพื้นที่คลังสินค้าสุดใจทันที

โดยบุคคลเหล่านี้กล่าวอ้างว่า”ได้รับคำสั่งจากเจ้านายสั่งการมาว่าจะต้องมีการตรวจสอบข้าวในโกดังก่อน ขอความร่วมมือให้นักข่าวออกจากพื้นที่ และไม่ให้มีการบันทึกภาพ ส่วนภาพที่ถ่ายแล้วขอให้ลบทิ้ง” และได้พยายามปิดประตูคลัง จึงเกิดความชุลมุนขึ้น ส่งผลให้นักข่าวหนังสือพิมพ์และทีวีต้องขับรถห่างจากโกดังออกมาเพียงเล็กน้อย เพื่อรอให้ตัวแทนจากบริษัทร่วมเจริญพัฒนาการข้าวเข้าไปตรวจสอบข้าวในโกดังให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวย้อนกลับไปหน้าโกดังอีกครั้ง เพื่อรอสัมภาษณ์นายบรรจง ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์ได้เพียงครู่เดียว มีบุคคลแต่งกายคล้ายทหารมาไล่ไม่ให้ทำข่าวอีก

นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทร่วมเจริญพัฒนาการข้าว เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมการตรวจข้าวในโกดังว่า ภายใน 2-3 วันนี้จะหารือกับ อ.ต.ก.อีกครั้ง ส่วนเรื่องจะเป็นไปในทิศทางใดจะทำเรื่องเรียนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้รับทราบ ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ตนเข้าไปตรวจสอบสภาพข้าวในคลังสินค้าสุดใจ จ.ชัยนาท โกดังที่ 5 แล้วพบว่าข้าวมีสีเหลือง เสื่อมสภาพอย่างมาก ไม่สามารถรับประทานได้ และผิดประเภทจากที่ประมูลซื้อโดยสิ้นเชิง

“ที่ผ่านมาได้หารือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง ทั้งปัญหาเรื่องสภาพข้าวเหลืองมาก ไม่ตรงสเปค หลายกระสอบไม่มีปีรหัสระบุ วันนี้เมื่อแทงข้าวออกมาเห็นสภาพแล้ว ผู้รับมอบจาก อ.ต.ก.ไม่มีใครเซ็นรับทราบว่าข้าวผิดชนิดจากที่แจ้งไว้ โดยตัวแทนจาก อ.ต.ก.อ้างว่า วันนี้ไม่ได้จ้างบริษัทเซอร์เวย์เยอร์กลางมาตรวจสอบด้วย ซึ่งผมจะต้องทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ โดยเฉพาะ นบข.และท่านายกฯ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการเซ็นรับทราบ จะต้องมีค่าปรับ เพราะทางบริษัทได้ขยายสัญญามาครั้งหนึ่งแล้ว” นายบรรจงกล่ว

อนึ่ง สำหรับการประมูลข้าวในคลังนี้ ผู้ประกอบการส่งออกข้าวที่ชนะการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเคยแจ้งร้องเรียนมาว่า ประมูลซื้อข้าวขาว 5% จากโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/2557 ปริมาณ 220,000 ตัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อ.ต.ก. ในระดับราคาตันละ 10,900 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่ชำระเงินและเข้าไปรับมอบข้าวตามสัญญาที่ชนะประมูล กลับพบว่าชนิดข้าวที่บรรจุอยู่ภายในคลังดังกล่าวไม่ตรงกับเสนอประมูลซื้อทั้งชนิดและปีการรับจำนำ แต่ภายหลังพบว่าข้าวมีลักษณะผิดปกติจากมาตรฐานข้าว 5% ที่ประมูลได้ เพราะเมื่อเทียบเท่าคุณภาพเป็นเพียงข้าว 35% และจากกระสอบที่บรรจุ ระบุว่า ข้าวนี้เป็นข้าวจากโครงการรับจำนำ โครงการปี 2554/2555 คนละปีการรับจำนำด้วย เมื่อประเมินแล้วราคาข้าวตามสภาพที่พบน่าจะมีราคาเพียงตันละ 5,000-6,000 บาท จึงได้ทำหนังสือแจ้งปัญหานี้ไปยัง อ.ต.ก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง