เกาลูนปาร์ค ร่มรื่นกลางทะเลเงินตรา

ไม่ใช่แค่ค่าครองชีพแพงแถวหน้าของโลก แพงกว่ายุโรปบางประเทศ ฮ่องกง ยังมีที่ดินแพงมากระดับแถวหน้าสุดของโลกอีกด้วย ที่ดินขายกันเป็นตารางเมตร เพื่อย้ำให้เห็นชัดถึงความหายากของที่ดิน ย่านมิดเลเวลที่เป็นที่ดินสำหรับคนดีมีเงินอยู่เชิงเขา มีคนบอกว่าเป็นย่านที่ดินแพงที่สุดในโลก แพงกว่าย่านแมนฮัตตันของนิวยอร์กเสียอีก แต่อันนี้ฉันไม่ยืนยันนะ

เอาเท่าที่ยืนยันได้ เพราะมีการซื้อขายกันจริงไม่กี่เดือนก่อน ราคาที่ดินบนถนนนาธาน ถนนสายการค้าของฝั่งเกาลูน ประเมินกันไว้ที่ ตารางเมตรละ 800,000 บาท แต่ขายจริงๆ กัน ที่ตารางเมตรละ 1 ล้านบาท สรุปสิริราวไร่ละ 1,500 ล้านบาท

ฮ่องกง มีพื้นที่ประมาณ 1,100 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่ากรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่ 1,500 ตารางกิโลเมตร ในระยะ 20 กว่าปีที่ผ่านมา เขาถมทะเลได้ที่ดินเพิ่มอีกราว 60 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 8 ล้านคน ใหญ่กว่าสิงคโปร์ที่มีพื้นที่แค่ 719.9 กว่าตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรมากกว่าสิงคโปร์ 4 เท่า ฮ่องกงจึงมีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่งในโลก ย่านมงกกใกล้ซิมชาจุ่ยย่านเกาลูน ถูกระบุว่าเป็นย่านที่มีคนอาศัยหนาแน่นที่สุดในโลก มาทำย่านธุรกิจ

มาถึงตรงนี้ เราคงสังเกตว่า ฮ่องกง มีความเป็นอันดับ 1 แถวหน้าของโลกอยู่หลายอันดับ

เมื่อที่ดินน้อยคนมาก นโยบายพัฒนาเมืองของฮ่องกง จึงมีสั้นๆ คือ The way out is up แปลง่ายๆ ว่า หนทางออกคือสร้างสูงขึ้นฟ้าสถานเดียว อาคารร้านค้าต่างๆ จะสร้างซ้อนกันบนตึกสูง ตึกระดับ 30-40 ชั้น เป็นระดับที่เรียกว่าเบมากสำหรับฮ่องกง

ส่วนบ้านคนก็เป็นตึกสูงหลายสิบชั้นอีกเช่นกัน แต่อยู่นอกเมือง เป็นเมืองคอนกรีตคล้ายสิงคโปร์

ฮ่องกง ไม่ได้ขาดแคลนที่ค้าขาย แต่ที่ขาดคือ พื้นที่สำหรับคนตัวเล็กตัวน้อย โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อย พวกนี้อาศัยในที่คับแคบจนเรียกที่นอนของตัวเองว่าโลงศพ

ชีวิตคนฮ่องกงดิ้นรน เมืองค้าขายที่ไม่มีวันหลับ ไม่มีที่ว่างให้หายใจเต็มปอด

แต่จะหยามว่า ฮ่องกง ไม่มีชีวิตแง่งามนั้น ก็ไม่จริง

ทุกย่านใจกลางเมือง ไม่ว่าจะบนเมืองเก่า ย่านมิดเลเวล ที่ที่ดินแพงระดับเพชร หรือถนนนาธานที่เพิ่งขายกันไปหยกๆตารางเมตรละล้านนั่น เขามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่เขียวขจีให้คนของเขาได้พักคลายชีวิตที่ขึ้งเครียด

เห็นสวนสาธารณะบนย่านที่มีที่ดินแพงระยับเช่นนี้ ฉันนึกถึงเซ็นทรัลปาร์คของนิวยอร์ก และไฮด์ปาร์กของลอนดอน

บนถนนนาธาน เขามีสวนสาธารณะเกาลูน พื้นที่ 13.3 เอเคอร์ หรือราว 33 ไร่ เขียวขจีสงบร่มรื่นท่ามกลางตึกสูงเสียดฟ้ารายรอบ เขาเปิดให้คนเข้าหย่อนใจฟรี ดูแลต้นไม้อย่างดี ทั้งที่น้ำท่าของเขาก็หายาก เนื่องจากเป็นเกาะ ต้นไม้จำนวนมากมีอายุนับร้อยปี เขามีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ให้ชมฟรี จัดทำอย่างดีและตั้งใจและมีรสนิยม ไม่ได้ไก่กา

พื้นที่สวนใหญ่ขนาดนี้บนทำเลฝังเพชรอย่างนี้ หากตกในมือผู้บริหารที่ฝักใฝ่เงินทอง หรือกระทั่งเน้นการแก้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย ที่ค้าขาย คงแปรเป็นอาคารยักษ์ได้มากมาย

คิดง่ายๆ โง่ๆ แค่เฉือนที่ดินขายก็ได้เกือบแสนล้านบาท

ที่จริงฉันว่าไม่ใช่ผู้บริหารฮ่องกง นิวยอร์ก ลอนดอน มีใจดีผิดมนุษย์มนา หรือเป็นคนดีกว่าผู้นำอื่นใด แต่เพราะกฎหมายบ้านเขามันเข้มงวด มันเน้นให้ประโยชน์แก่คนตัวเล็กตัวน้อย และที่สำคัญการให้ความสำคัญแก่คุณค่าความเป็นมนุษย์นั้นสูงยิ่ง

สวนสาธารณะจึงมีค่า ต้นไม้ทุกต้นจึงมีค่า มีความสำคัญ

และอย่าลืมว่า ไม่ว่าตึกสูงจะเบียดเสียดขึ้นในฮ่องกงขนาดไหน ยอดเขาสูงของฮ่องกงอย่างเขาวิกตอเรียก็ยังเขียวขจี มีอาคารขึ้นไปเสนอหน้าน้อยมาก (มีบางหลังนัยว่าตกค้างมาจากสมัยอาณานิคม เป็นพวกเจ้าใหญ่นายโตชาวอังกฤษ ปัจจุบัน บ้านยังคงอยู่ แต่ก็ดูน่ารังเกียจมาก ที่ไปเจ๋ออยู่บนเขาขนาดนั้น)

เขามีกฎหมายห้ามไม่ให้ก่อสร้างบนเขา เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะแร้นแค้นที่อยู่อาศัยแค่ไหน เขาไม่ทำลายต้นไม้บนเขาของเขาแม้แต่ต้นเดียว ไม่เขยิบขึ้นไปบนเขา แต่เก็บความเขียวขจีนั้นไว้อย่างรู้ค่า

อ้อ! แล้วสวนสัตว์ฮ่องกง เปิดให้เข้าฟรีนะ เขาไม่คิดเงินจากประชาชนและนักท่องเที่ยว นี่ก็เขาให้ความสำคัญกับการพักผ่อนหย่อนใจของคนไม่เลือกหน้า

แต่พูดก็พูดเถอะ สวนสาธารณะฮ่องกงดูแลไม่ดีเท่าสวนสาธารณะของสิงคโปร์ ซึ่งสะอาดเกลี้ยงเกลาไร้กลิ่นอย่างสิ้นเชิง ห้องน้ำสาธารณะฮ่องกงยังส่งกลิ่นอบอวลอยู่ ฉันว่าอาจเพราะคนของเขามากมาย นักท่องเที่ยวมากมายจนยากจะรับมือ

ไปฮ่องกง อย่าดีแต่ช็อปปิ้งล่ะคุณ ไปนั่งชื่นชมสวนสาธารณะของเขาบ้าง

แล้วคุณจะอิจฉาเขา