เผยแพร่ |
---|
ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ความชื้นในอากาศจะลดลง ทำให้ขาดน้ำในการเกษตรหลายพื้นที่ พืชที่ปลูกในช่วงนี้หลายชนิดจะได้รับผลกระทบ เกษตรอำเภอน้ำปาด ขอให้เกษตรกรวิเคราะห์สถานการณ์การใช้น้ำของพืช และจัดหาแหล่งน้ำสำรอง เพื่อใช้หล่อเลี้ยงพืชให้พอเพียงจนหมดฤดูแล้งนี้
นายอดุลย์ศักดิ์ ไชยราช เกษตรอำเภอน้ำปาด แนะนำเกษตรกรให้จัดหาแหล่งน้ำสำรอง สำหรับหล่อเลี้ยงพืชในยามแล้ง ซึ่งจะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นความแห้งแล้งระยะยาว จะมีผลกระทบทำให้พืชผลการเกษตรเสียหายได้
โดยขอให้เกษตรกรวิเคราะห์สถานการณ์ การใช้น้ำของพืช โดยอาศัยหลักวิชาการ และคำนวณว่า ต้นพืชที่ปลูก หรือกำลังจะปลูก ต้องใช้น้ำตลอดอายุปริมาณเท่าใด และถ้าเกิดสภาวะความแห้งแล้ง เป็นเวลา 2-3 เดือน หรือ 30-60 วัน จะต้องมีน้ำไว้หล่อเลี้ยงปริมาณเท่าใดจึงจะเพียงพอให้ต้นพืชรอดพ้นจากภัยแล้ง หรือขาดน้ำจนเสียหายไม่ได้ผลผลิต
การคำนวณปริมาณน้ำในการปลูกพืชต่างๆ เพื่อจะสำรองน้ำไว้ให้เพียงพอ สามารถค้นหาข้อมูลได้ จากแหล่งวิชาการต่างๆ เช่น หน่วยงานชลประทาน สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือสำนักงานเกษตรอำเภอ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรทราบว่า พืชใช้น้ำตลอดอายุ เป็นปริมาณเท่าใด เช่น นาข้าวที่ปลูกข้าวพันธุ์ส่งเสริม เช่น พันธุ์ กข.ต่างๆ จะใช้น้ำตลอดอายุ 100 วัน ใช้น้ำ 8.0 มิลลิเมตรต่อวัน หรือ 1,101 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะใช้น้ำตลอดอายุ 100 วัน ใช้น้ำ 4.0 มิลลิเมตรต่อวัน หรือ 550 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ หอมแดง จะใช้น้ำตลอดอายุ 85 วัน ใช้น้ำ 4.2 มิลลิเมตรต่อวัน หรือ 477 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ กระเทียม จะใช้น้ำตลอดอายุ 110 วัน ใช้น้ำ 2.8 มิลลิเมตรต่อวัน หรือ 422 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ เป็นต้น
มีปัญหา ข้อสงสัย หรือสนใจรายละเอียด ติดต่อสอบถามได้ จากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรประจำตำบล หรือ สำนักงานเกษตรอำเภอน้ำปาด โทร.055-481006