เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นพ. อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) เพื่อวางแนวทางการดำเนินงานหลักสูตรการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ โดยที่ผ่านมา ศธ.เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยอาชีวศึกษาต่างๆ เสนอหลักสูตรเข้ามาให้พิจารณา มีหลักสูตรที่ผ่านการกลั่นกรองแล้ว จำนวน 200 กว่าหลักสูตร แบ่งเป็นหลักสูตรระยะสั้น จำนวน 119 หลักสูตร ใน 20 วิทยาลัย เน้นให้คนที่ทำงานอยู่แล้วประมาณ 20 ล้านคน ในระบบ เข้ามาเรียนเพื่อพัฒนาทักษะและสมรรถนะ เมื่อจบแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรรับรอง แต่ไม่ได้รับวุฒิการศึกษา อีกส่วนคือ การผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี จำนวน 100 กว่าหลักสูตร ใน 20 มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ การจัดการเรียนการสอนจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนงบประมาณ เป็นเงินอุดหนุนรายหัว ซึ่งจะเริ่มรับสมัครนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในปีการศึกษา 2561 นี้ทันที
รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวต่อว่า ในส่วนของหลักสูตรระยะสั้น จะให้งบประมาณอุดหนุนรายหัว เฉลี่ยรายละ 6 หมื่นบาท ต่อคน ต่อหลักสูตร และจากหลักสูตรที่เสนอมา สามารถผลิตได้ 2.6 หมื่นคน ต่อปี ใช้งบประมาณ จำนวน 1,500 ล้านบาท หลักสูตรระดับปริญญาตรี แต่ละสาขาจะใช้งบประมาณ 1-2 แสนบาท ต่อคน ต่อปี ผลิตบัณฑิตได้จำนวน 1 หมื่นคน ใช้งบประมาณปีแรก 560 ล้านบาท รวมปีการศึกษา 2561 ต้องใช้งบฯ ดำเนินการโครงการดังกล่าว จำนวน 2,060 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 17 เมษายน สำหรับปีแรก จะเสนอขอใช้งบประมาณกลางเพื่อดำเนินการก่อน เพื่อให้ทันต่อการรับนักศึกษาเข้าเรียนทั้งสถาบันอาชีวศึกษาที่จะเปิดเทอมในกลางเดือนพฤษภาคม และการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันศึกษาในระบบกลาง ปีการศึกษา 2561 ในระบบ ทีแคส รอบที่ 3 การรับตรงร่วมกัน ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้เช่นกัน จากนั้นจะเสนอของบประมาณต่อเนื่องระยะ 5 ปี เพื่อสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว รวมงบประมาณที่ต้องใช้ในโครงการนี้ทั้งหมด ประมาณ 1.1 หมื่นล้าน
“เรื่องนี้เป็นนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการผมมาโดยตรงด้วยวาจา ให้แก้ไขปัญหาบัณฑิตตกงาน และทำให้มหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตตอบยุทธศาสตร์ชาติ และอุตสาหกรรมที่ขาดแคลน ศธ.จึงต้องวางแผนการทำงาน หากจะรอมาปรับทั้งระบบเป็นเรื่องยาก เพราะมหาวิทยาลัยก็มีความเป็นอิสระในการกำหนดหลักสูตรเอง จึงคิดโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ขึ้น เพื่อตอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายประเทศไทยหรือไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ซึ่งเราจะใช้ตรงนี้มาเป็นเป้าในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนคนทำงาน ที่สำคัญคือการร่วมมือกับภาคเอกชน โดยกำหนดว่าหลักสูตรการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ จะต้องไปเรียนของจริง ทำงานในสถานที่จริง 50% ของเวลาเรียนทั้งหมด เช่น หลักสูตร 4 ปี ต้องเรียนในสถานที่จริง 2 ปี ขณะเดียวกัน อาจารย์ก็จะต้องตามไปดูแลตลอดทุกวัน ภาคอุตสาหกรรมก็จะต้องตั้งคนมาสอนควบคู่กับมหาวิทยาลัย เป็นการสร้างคนให้มีแนวคิด คิดวิเคราะห์ และทำงานได้จริงจากประสบการณ์จริง” นพ. อุดม กล่าว
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชน