บอนด์ยีลด์ไทยต่ำกว่าสหรัฐ ลงทุนเมกะโปรเจ็กต์รับอานิสงส์ เอื้อกู้ 3 ล้านล้าน จ่ายดอกเบี้ยต่ำ

นายธาดา พฤติธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 1/2561 ยังเติบโตได้ดีและมีมูลค่าคงค้างรวม 11.77 ล้านล้านบาท จากการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเดือนมกราคม ส่วนในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ฟันด์โฟลว์ไหลออกบ้าง เนื่องจากตลาดมีความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นปีแรกในประวัติการณ์ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) อยู่ที่ 2.5% ต่ำกว่าบอนด์ยีลด์สหรัฐ อยู่ที่ 2.8% หรือต่ำกว่า 0.30 บาท เป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อไทยอยู่ระดับต่ำ และค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า จึงทำให้เกิดช่องว่างหรือแก็ปของ บอนด์ยีลด์

“สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยประเมินว่าการที่บอนด์ยีลด์ไทยต่ำกว่าบอนด์ยีลด์สหรัฐจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการเมกะโปรเจ็กต์ วงเงินลงทุนประมาณ 3 ล้านล้านบาท เนื่องจากสะท้อนว่ารัฐบาลมีสภาพคล่องทางการเงินสูง สามารถกู้เงินภายในประเทศได้ และจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในระดับที่ต่ำมากประมาณ 3.4%” นายธาดา กล่าว

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า นอกจากนี้  ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ การออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนก็เติบโตดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้แล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมูลค่าสูงสุดของปีนี้ ทำให้ธุรกิจกลุ่มอาหารมีการออกหุ้นกู้มากที่สุดในไตรมาสแรก วงเงิน 6.3 หมื่นล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ ฉะนั้นจึงคาดว่าการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 6-6.5 แสนล้านบาท ทั้งจากการออกหุ้นกู้ใหม่ การควบรวมกิจการ

น.ส.อริยากล่าวว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนไตรมาส 1/2561 ที่ทำสถิติใหม่ เป็นเพราะการเร่งการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังจะขยายตัว โดยเห็นสัญญาณในกลุ่มธนาคาพาณิชย์และกลุ่มปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการปรับเกณฑ์การออกตราสารหนี้ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2561 ซึ่งจะให้ความคุ้มครองนักลงทุนมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนเร่งออกหุ้นกู้ในช่วงครึ่งปีแรกมากกว่าช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการออกหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว โดยกลางเดือนเมษายนนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี จะออกหุ้นกู้ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท จากแผนการดำเนินงานของบริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ปีละ 2 ครั้ง ส่วนทิศทางบอนด์ยีลด์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวปีนี้ ยังเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด ต้องติดตามนโยบายการค้าและค่าเงินของสหรัฐ

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน