มจธ.เจ๋ง ผุดชุดวัดปริมาณ “ไซยาไนด์ในมันสำปะหลัง”

สุดยอดงานวิจัยเพื่อการเกษตรและผลผลิตส่งออก “ชุดตรวจวัดปริมาณไซยาไนด์ในมันสำปะหลังแบบเปรียบเทียบสีโดยใช้อนุภาคนาโนโลหะคู่” ผลงานนักศึกษาปริญญาโท คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดยมี ผศ.ดร. เขมฤทัย ถามะพัฒน์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา คว้ารางวัลระดับดีเด่น การเขียนข้อเสนอโครงการสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมสายอุดมศึกษา ประจำปี 2560 และรางวัลระดับดีเด่น การประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมสายอุดมศึกษา ประจำปี 2560 ในกลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ ในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2560 หรือ Thailand Research Expo 2017”

นางสาววรวรรณ เสาวรส นักศึกษาภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ เจ้าของผลงาน เล่าว่า หัวมันสำปะหลังดิบจะมีสารไซยาไนด์ในปริมาณที่ต่างกันตามสายพันธุ์ โดยพันธุ์หวานประกอบอาหารได้ ระดับปริมาณไซยาไนด์ไม่เป็นอันตราย ส่วนมันสำปะหลังพันธุ์ขม จะมีปริมาณไซยาไนด์สูง ซึ่งมีความเป็นพิษ มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจและทางเดินโลหิต เป็นอันตรายมากหากรับประทานดิบ จึงนิยมนำไปแปรรูปเป็นแป้งมัน มันแห้ง มันอัดเม็ด หรืออาหารสัตว์ อีกทั้งไซยาไนด์ เป็นสารเคมีที่ใช้ในการทำงานบางอย่าง เช่น การถลุงโลหะ การสังเคราะห์สารเคมี การตรวจวิเคราะห์ทางเคมีในห้องปฏิบัติการเป็นต้น

ดังนั้น การทดสอบปริมาณของไซยาไนด์ จึงจำเป็นอย่างมากสำหรับการส่งออกผลผลิตมันสำปะหลังให้ตรงตามมาตรฐานและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค จากเดิมขั้นตอนในการตรวจสอบไซยาไนด์ ต้องสกัดปริมาณไซยาไนด์ในมันสำปะหลังออกมาโดยใช้เอนไซม์ซึ่งมีความยุ่งยากในการเก็บรักษา และตรวจสอบการเปลี่ยนสีโดยใช้สารเคมีที่มีความเป็นพิษ ทำในห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ เราต้องการคิดค้นวิธีการตรวจสอบที่ลดขั้นตอนและมีความเป็นพิษต่ำลง เพื่อป้องกันสุขภาพของผู้ตรวจสอบ จึงเป็นที่มาของชุดตรวจดังกล่าว หลักการคือสังเคราะห์อนุภาคที่มีลักษณะเป็น 2 ชั้น ที่มีแกนเป็นอนุภาคนาโนเงินและมีเปลือกเป็นชั้นทองบางๆ หุ้มอยู่

จึงทำให้สารละลายสามารถเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีอมส้ม เหลือง และสีใส เพื่อบอกระดับปริมาณไซยาไนด์ เพียงสกัดน้ำจากมันสำปะหลังลงในสารละลายอัตราส่วน 1 : 1 และสังเกตการเปลี่ยนสีในเวลา 5 นาที หากสารละลายเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีอมส้ม เหลือง และสีใส จากไซนาไนด์ปริมาณน้อยไปถึงปริมาณมากตามลำดับ หากเป็นสีใส คือมีปริมาณไซยาไนด์ในระดับที่เป็นอันตราย ไม่สามารถบริโภคโดยตรงได้

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน