เผยแพร่ |
---|
เหี้ยสวนลุมฯ กลับมาแล้ว ขยายพันธุ์เร็ว เพื่อนบ้านเข้ามาอยู่แทน สัตวแพทย์ชี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด รักสงบ แต่อย่าไปแหย่ก่อน
เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายสัตวแพทย์ (น.สพ.) อลงกรณ์ มหรรณพ นายสัตวแพทย์อาวุโส กรรมการวิชาการราชบัณฑิตยสภา ให้สัมภาษณ์เรื่องสถานการณ์ตัวเหี้ย ในประเทศไทยว่า คาดว่าเวลานี้ประชากรจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดสาเหตุหนึ่งคือ มีอาหาร ซึ่งก็คือ ซากสัตว์ และของเน่าเสียมีปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เป็นเขตเมืองแต่มีหลายจุดที่เป็นแหล่งที่อาศัยเดิมของสัตว์ชนิดนี้ เช่น เขตดุสิต สวนสัตว์เขาดิน ทำเนียบรัฐบาล สวนลุมพินี ไม่ค่อยมีเหตุทำอันตรายแก่ตัวเหี้ย เช่น คนล่าไปกิน มีศัตรูโดยธรรมชาติน้อยมาก รวมไปถึงพื้นที่ชานเมือง เช่น บางขุนเทียน และจังหวัดปริมณฑล คือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม มีบ่อเลี้ยงปลาจำนวนมาก ตัวเหี้ยมักจะลักลอบเข้าไปกินปลาในบ่อเลี้ยง มีอาหารค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
“สาเหตุที่จะทำให้ตัวเหี้ยตายมากที่สุดคือการกัดกันเอง ซึ่งเทียบกับปริมาณที่มีอยู่แล้ว และอัตราการเกิด ซึ่งเหี้ย 1 ตัวจะวางไข่ครั้งละ 20-30 ฟอง ปีละ 1 ครั้ง มีอัตราการรอดตายประมาณ 5 ตัว ถือว่าอัตราการตายน้อยมากเมื่อเทียบกับการเกิด ส่วนใหญ่จะแก่ตายไปเอง ซึ่งเหี้ยจะมีอายุขัยอยู่ที่ 15-20 ปีโดยเฉลี่ย โดยเหี้ยแก่ใกล้ตายนั้นจะไม่ทำอะไรเลย นอนซึม ไม่หาอาหาร ผอมแห้งลงไปเรื่อยๆ แต่เนื่องจากการสะสมไขมันไว้ปริมาณมาก ร่างกายจะดึงไขมันออกมาใช้ทีละน้อยจนกว่าจะหมด ซึ่งใช้เวลานานนับเดือน” น.สพ. อลงกรณ์ กล่าว
น.สพ. อลงกรณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เคยมีการร้องเรียนกันว่าประชากรตัวเหี้ยในพื้นที่สวนลุมพินีมีจำนวนมากเกินไป อาจทำอันตรายประชาชนที่เข้าไปพักผ่อนออกกำลังกายได้ จนทำให้กรุงเทพมหานครร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเข้าไปจับออกมาส่วนหนึ่งแล้วเอาไปปล่อยในป่าแห่งหนึ่งนั้น เข้าใจว่าเวลาผ่านไปจนกระทั่งวันนี้ จำนวนประชากรตัวเหี้ยในสวนลุมฯ กลับมาเหมือนเดิมแล้ว เพราะ 1. มีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว 2. ตัวเหี้ยที่อาศัยอยู่พื้นที่ข้างๆ สวนลุมฯ เมื่อเห็นว่าตัวที่อาศัยอยู่เดิมไม่อยู่แล้ว ก็จะเข้ามาอยู่แทน
“ตัวเหี้ยแค่มีรูปร่างหน้าตาน่ากลัว และคนก็มักจะจินตนาการไปเองว่ามันจะทำร้าย แต่ความจริงแล้วสัตว์ชนิดนี้ไม่เคยทำร้ายใครก่อน เมื่อเห็นคนมันพยายามจะหนีด้วยซ้ำ ยกเว้นว่าใครที่ไปยั่วแหย่มันก่อน อาจจะโดนกัด หรือเอาหางฟาดเอาได้ หากถูกเหี้ยกัดหรือฟาดหางใส่ ต้องรีบล้างแผล ใส่ยาฆ่าเชื้อ และรีบไปหาหมอโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสถิติของคนที่ถูกเหี้ยทำร้ายมีน้อยมาก” น.สพ. อลงกรณ์ กล่าว
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน