ฮับโลจิสติกส์”อาลีบาบา” ยึดทำเลทองใกล้สุวรรณภูมิ

อาลีบาบา ตอกเสาเข็ม Smart Digital Hub ทำเลทองใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ “พาณิชย์” ชี้ลงทุนธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ เข้าข่ายบัญชีแนบท้าย 2 พ.ร.บ.ธุรกิจต่างด้าวฯ 3 ทางเลือกใช้สิทธิประโยชน์ “ครม.ไฟเขียว-บีโอไอ/อีอีซี-เอฟทีเอ”

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) หรือ EEC เปิดเผยว่า จากที่นายแจ็ก หม่า ประธานบริษัท อาลีบาบา เดินทางมาลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 4 ฉบับกับรัฐบาลไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทางอาลีบาบาได้ตกลงเซ็นสัญญาพื้นที่ เพื่อลงทุนโครงการ Smart Digital Hub เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเป็นพื้นที่ใน EEC ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าหลังจากนี้จะเริ่มก่อสร้างต่อไป

ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) กล่าวว่า โครงการ Smart Digital Hub ที่อาลีบาบาจะใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 11,000 ล้านบาท จะดำเนินการในปี 2561-2562 ประกอบไปด้วย ศูนย์โลจิสติกส์ คลังสินค้า ที่อาลีบาบาต้องการให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าส่งสินค้าไปกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) ในระยะแรก จากนั้นจะขยายภาคการขนส่งสินค้ากระจายไปสู่ทั่วโลกโดยมีไทยเป็น hub ของอาเซียน

อาลีบาบาตอกเข็มฮับโลจิสติกส์

มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา กับ จ.ชลบุรี ซึ่งอาลีบาบาตัดสินใจเลือกพื้นที่แล้ว และเริ่มลงเสาเข็มก่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์ก่อนเป็นโครงการแรก เนื่องจากต้องการสร้างเป็นศูนย์กระจายสินค้าไว้เก็บสินค้าที่ต้องนำเข้าและส่งออกตามออร์เดอร์จากการค้าขายบนออนไลน์

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า อาลีบาบาคือหนึ่งในนักลงทุนที่ลงนามความร่วมมือกับทางรัฐบาลไทย ซึ่งจะประกอบไปด้วยการลงทุนในหลายส่วน หลัก ๆ คือศูนย์บริการโลจิสติกส์ ส่วนการขอสิทธิประโยชน์ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นขอเข้ามา

ทั้งนี้ตามรายการบัญชีการให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอ สำหรับกิจการศูนย์บริการโลจิสติกส์ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบทันสมัยทั้งในและนอกประเทศ เงื่อนไขต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท จะได้สิทธิตามกลุ่ม B1 ยกเว้นอากรเครื่องจักร แต่จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี 2.ศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบทันสมัย ลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ต้องกระจายสินค้าน้อยกว่า 5 ประเทศ จะได้สิทธิตามกลุ่ม A3 รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษียกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี

3 ทางเลือกใช้สิทธิประโยชน์

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงประเด็นที่อาลีบาบาจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ และศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเพื่อการส่งออก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อโลจิสติกส์ไทย และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 นั้น ตามหลักการได้มีการยกเว้นให้เฉพาะที่ได้รับอนุญาตประกอบได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และไม่เป็นการจำกัดการแข่งขันธุรกิจคนไทยยังคงสามารถดำเนินการได้

“อาลีบาบาเข้ามาลงทุนระบบโลจิสติกส์ และศูนย์กระจายสินค้าเพื่อส่งต่อไปให้กับผู้บริโภคในประเทศจีน ทั้งได้เข้ามาอบรมให้ความรู้กับบุคลากรไทยในด้านนี้อีกด้วย ถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยได้รับการพัฒนา”

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ธุรกิจนี้อยู่ในบัญชีแนบท้าย 2 มีแนวทางการขออนุญาตลงทุนธุรกิจด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ทำได้ 3 แนวทาง คือ 1) แนวทางการขอรับอนุญาต (ตามมาตรา 8) ว่า สามารถขออนุญาตต่อ รมว.พาณิชย์ โดยผ่านการพิจารณาอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

2) หากอาลีบาบาขอบีโอไอ หรือทางสำนักงานอีอีซี ก็จะได้รับการยกเว้นตามมาตรา 12 และ 3) รัฐบาลไทยอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรา 10 จะยกเว้นไม่ใช้บังคับแก่คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.นี้ หาก “ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทย” เป็นการเฉพาะกาล โดยสนธิสัญญาที่ไทยเป็นภาคีหรือมีความผูกพันตามพันธกรณี เช่น การลงทุนผ่านความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาทิ ความตกลงอาเซียน-จีน เป็นต้น

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์