เผยแพร่ |
---|
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี สภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ จัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะสภาส่งเสริมธุรกิจการค้ามณฑลซานตง ประเทศจีน และมีการเซ็นสัญญาขายหมอนยางพาราระหว่างสหกรณ์กองทุนสวนยางบึงกาฬกับบริษัท รับเบอร์วัลเล่ย์ กรุ๊ป จำนวน 2,000 ใบ
นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกฯ และประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดงานจับคู่ธุรกิจ ระหว่างนักธุรกิจมณฑลซานตงกับประเทศไทยครั้งนี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งของความสัมพันธ์การค้า
การลงทุนและการท่องเที่ยว และตลอดการจับคู่ธุรกิจมาต่อเนื่อง พบว่ามูลค่าการค้าระหว่างซานตงกับไทยเพิ่มขึ้น 21.7% ในปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่า 49,640 ล้านหยวน หรือกว่า 248,000 ล้านบาท และในไตรมาสเเรกของปี 2561 มียอดการค้า 12,110 ล้านหยวน หรือมากกว่า 60,000 ล้านบาท ขณะที่มณฑลอื่นของจีนก็มีเเนวโน้มตัวเลขการค้าที่ดีมากขึ้นเช่นกัน แสดงว่าการเจรจาจับคู่ธุรกิจทางการค้าระหว่างไทยกับจีนประสบความสำเร็จมาก
นายพินิจ กล่าวว่า สำหรับการแมตชิ่งธุรกิจครั้งนี้มีนายหลิว เสี่ยว เจียง รองประธานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งมณฑลซานตงและรองเลขาธิการรัฐบาลมณฑลซานตง รองอธิบดีกรมพาณิชย์มณฑลซานตง นำคณะนักธุรกิจจากประเทศจีน 40 ท่าน โดยมีเป้าหมายเพิ่มยอดการค้าการลงทุนกับไทย โดยคัดบริษัทที่ตั้งใจจะมาลงทุนทำการค้ากับไทย ซึ่งจะมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำกลุ่มโอท็อป กลุ่มเอสเอ็มอี หอการค้าจังหวัดต่างๆ ตลอดจนผู้ประกอบการจากกรม ส่งเสริมการเกษตรมาร่วมงาน
“มีการเซ็นสัญญาซื้อหมอนยางพารา 2,000 ใบ/เดือน ระหว่างชุมนุมสหกรณ์ กองทุนสวนยางจังหวัด บึงกาฬ กับบริษัทรับเบอร์วัลเล่ย์กรุ๊ป ประเทศจีน ซึ่งทางจีนมีความต้องการเป็นหลักหมื่นใบแต่กำลังผลิตเรายังน้อยอยู่ ครั้งนี้เป็นการซื้อขายจากชาวสวนยางโดยตรง เป็นมิติของการค้าขายโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง หลังจากการจับคู่ธุรกิจแล้ว คณะนักธุรกิจจากมณฑลซานตงจะเดินทางไปดูพื้นที่อีอีซี” นายพินิจ กล่าว
นายนิพนธ์ คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ และที่ปรึกษาชุมนุมสหกรณ์ กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ครั้งนี้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายหมอนยางพาราล็อตเเรก 2,000 ใบ เป็นความต่อเนื่องจากโครงการเดิมที่ทำมาตั้งแต่งานยางพาราบึงกาฬ ต่อยอดจนโรงงานยางพาราครบวงจร เริ่มจากการผลิตหมอน ก็มีการประสานกับทางจีนมาต่อเนื่อง จนมาถึงการเซ็นสัญญาซื้อขายครั้งนี้ ขณะนี้โรงงานสามารถผลิตได้วันละ 200 ใบ กำลังเพิ่มกำลังการผลิตโดยติดตั้งเครื่องจักรตัวใหม่จะผลิตได้วันละ 1,000 ใบ คาดว่าอีก 5 เดือนจะแล้วเสร็จ
“หมอนยางพาราของเรามีคุณภาพ ทำจากเนื้อยาง 100% ได้มาตรฐานและมีราคาถูก รวมปลอกหมอนแล้วใบละ 400 บาทเท่านั้น ที่สำคัญเป็นหมอนยางพาราที่เป็นของเกษตรกรโดยตรง” นายนิพนธ์ กล่าวและว่า นอกจากประเทศจีนที่เซ็นสัญญาซื้อขายแล้ว ทางสถานกงสุลเวียดนามประจำขอนแก่นพาพ่อค้าเวียดนามมาเจรจาและลงนามความร่วมมือแล้ว ก่อนนำหมอนบางพาราไปจำหน่ายที่เวียดนามต่อไป
ต่อมามีการเซ็นสัญญาซื้อขายหมอนยางพาราจำนวน 2,000 ใบ ระหว่าง นายอารี โพธิ์จันทร์ ประธานชุมนุมสหกรณ์ กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ จำกัด และ นายเฉิน หู้ เซิง (โทนี่ เฉิน) ผู้จัดการบริษัท รับเบอร์วัลเล่ย์ จำกัด สาขาประเทศไทย ร่วมลงนาม โดยมีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกฯ และประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์, นายหลิว เสี่ยว เจียง รองประธานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งมณฑล ซานตง และรองเลขาธิการรัฐบาลมณฑลซานตง รองอธิบดีกรมพาณิชย์มณฑลซานตง พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ และ นายนิพนธ์ คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอุตตม กล่าวว่า นโยบายวันเบลต์วันโรดของจีน ถือว่าเป็นนโยบายที่จะสร้างความเชื่อมโยงกับหลายประเทศ รวมถึงไทย ซึ่งรัฐบาลไทยพัฒนายุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ที่จะยกระดับขีดความสามารถเศรษฐกิจไทยให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก ขณะเดียวกันยังสร้างความพันธ์และความร่วมมือกับประเทศที่เป็นมิตร โดยเฉพาะประเทศที่ใกล้ชิดมานาน เช่น จีน
“ประเทศไทยกำหนด 11 อุตสาหกรรมที่จะส่งเสริมเป็นพิเศษ หลายอุตสาหกรรมประเทศจีนมีความชำนาญ และจะมาร่วมมือกับไทย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เรามุ่งไปสู่รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และมีโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษอีอีซี เพื่อเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่พัฒนาให้เป็นสมาร์ทซิตี้ รวมถึงยกระดับเมืองเดิมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น” นายอุตตม กล่าว
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน