ผู้เขียน | หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
กรมส่งเสริมสหกรณ์ดึงชุมนุมสหกรณ์ 7 ประเภท เชื่อมเครือข่ายตลาดข้าวช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิก เร่งคัดสหกรณ์นำร่อง 10 แห่ง โรดโชว์สินค้าข้าวไทยในต่างประเทศ พร้อมผลักดันส่งออก 40,000 ตัน จัดคาราวานสินค้าสู่บริโภค 640 อำเภอ ขยายช่องทางกระจายผลผลิตเพิ่มรายได้ ยกระดับอาชีพสู่ธุรกิจทำนาครบวงจร
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยแนวทางแก้ไขปัญหาตลาดและราคาข้าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ว่า นอกจากกรมส่งเสริมสหกรณ์จะดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยรัฐบาลได้จัดสรรสินเชื่อให้สหกรณ์กู้ยืมไปเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อรวบรวมข้าวเปลือกและแปรรูปข้าวผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) วงเงินรวม 12,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี มีเป้าหมายรวบรวมข้าวเปลือก 2.5 ล้านตัน คาดว่า จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจในระบบสหกรณ์รวมกว่า 20,000 ล้านบาท เกษตรกรสมาชิกได้รับประโยชน์กว่า 1 ล้านคน และสามารถพยุงราคาข้าวเปลือกในพื้นที่ไม่ให้ตกต่ำจนเกินไป
ขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เร่งหารือกับชุมนุมสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภท ได้แก่ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนียน ชุมนุมสหกรณ์บริการ ชุมนุมสหกรณ์ร้านค้า ชุมนุมสหกรณ์นิคม ชุมนุมสหกรณ์ประมง และชุมนุมสหกรณ์การเกษตร เพื่อเชื่อมโยงและขยายเครือข่ายตลาดข้าวสารคุณภาพของสหกรณ์เพิ่มขึ้นผ่านระบบสหกรณ์ ทำให้ผู้บริโภคในภาคสหกรณ์สามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากการผลิตสินค้าเกษตรของสหกรณ์ โดยเฉพาะสินค้าข้าวในราคายุติธรรมจากเกษตรกรผู้ผลิตโดยตรง อีกทั้งยังมุ่งให้ขบวนสหกรณ์สามารถบริหารจัดการการผลิตและการตลาดข้าวได้เองทั้งระบบ เกิดการพึ่งพาและช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันในขบวนการสหกรณ์ ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“ขณะเดียวกันยังได้เร่งคัดเลือกสหกรณ์ที่มีศักยภาพ 10 แห่ง จากพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ เชียงใหม่ เชียงราย และบุรีรัมย์ เข้าร่วมโรดโชว์สินค้าข้าวคุณภาพของสหกรณ์ไทยในต่างประเทศด้วย อาทิ จีน ญี่ปุ่น และประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นต้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของข้าวสหกรณ์ไทยแก่ประเทศคู่ค้า โดยมีแผนร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผลักดันส่งออกข้าวสารสหกรณ์ไม่น้อยกว่า 40,000 ตัน คาดว่า เป็นช่องทางที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าว พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปข้าวเปลือก และขยายลู่ทางจำหน่ายสินค้าข้าวสารสหกรณ์ไปสู่ผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่า ชาวนาในภาคสหกรณ์จะจำหน่ายข้าวเปลือกคุณภาพได้ราคาสูงขึ้น อันจะนำไปสู่การยกระดับอาชีพทำนาเป็นธุรกิจทำนาแบบครบวงจร และมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
นอกจากนั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังมีแผนส่งเสริมตลาดข้าวสารคุณภาพของสหกรณ์ผ่านศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ (CDC) จังหวัด และศูนย์กระจายสินค้าแม่ข่าย 24 แห่ง และเร่งจัดคาราวานสินค้าสหกรณ์ลงพื้นที่ 640 อำเภอทั่วประเทศ โดยจะนำข้าวสารคุณภาพของสหกรณ์ และผลิตภัณฑ์สินค้าอื่นๆ ที่ผลิตภายใต้ขบวนการสหกรณ์ เช่น นม น้ำดื่ม ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาล กุ้ง ปลาหมึก รวมถึงสินค้าอุปโภค-บริโภค ไปจำหน่ายให้ผู้บริโภคในราคายุติธรรม ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559-กุมภาพันธ์ 2560 คาดว่า จะมียอดขายและนำรายได้เข้าสู่ระบบสหกรณ์ไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท และยังช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคได้ค่อนข้างมากด้วย
“อนาคตกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีแผนพัฒนาต่อยอดข้าวเฉพาะถิ่นสู่การแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า เช่น ข้าวหอมกระดังงา และข้าวพื้นถิ่นอื่นที่มีศักยภาพ โดยจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร โดยไม่ยึดติดการจำหน่ายผลผลิตข้าวเปลือกเพียงอย่างเดียวตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” นายวิณะโรจน์กล่าว