สั่งฝังกลบควายตาพระยา-ห้ามบริโภคเด็ดขาด คาดเหตุการตายจากโรคคอบวม

จากกรณีเกิดโรคระบาดในกระบือที่บ้านรัตนะ ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ในตอนเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน มีควายตายไปแล้ว 22 ตัวนั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 เจ้าของควายพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้นำซากควายไปฝังกลบเพื่อทำลายเชื้อโรคไม่ให้เกิดการระบาดอีก ส่วนที่บ้านทับทิมสยาม ชาวบ้านได้ย้ายวัวควายออกไปไว้ที่อื่นจนหมด เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว

นายไทยวิวัฒน์ วรรณสุข สัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว และนายเดชา ศรีโสภา ปศุสัตว์อำเภอตาพระยา ได้ลงพื้นที่บ้านรัตนะ ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการตายของควาย หลังเข้าตรวจสอบแล้วได้สั่งห้ามชาวบ้านนำเนื้อซากควายไปชำแหละบริโภคโดยเด็ดขาด ให้ทำการฝังกลบทั้งหมด

เบื้องต้นสัตวแพทย์ได้เก็บตัวอย่างน้ำลายและเลือดของควายไปตรวจสอบหาเชื้อโรค ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าควายที่ตายเกิดจากโรคคอบวม

ด้านนายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอตาพระยา ได้สั่งให้สาธารณสุขตาพระยาเก็บตัวอย่างน้ำบริเวณใกล้เคียงไปตรวจสอบด้วย ส่วนควายที่เจ็บป่วยให้แยกออกมาแล้วฉีดวัคซีน ฆ่าเชื้อโรค ส่วนที่ยังไม่เจ็บป่วยก็นำมาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่อไป นอกจากนั้นได้ให้สาธารณสุขฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณคอกควายทั้งหมู่บ้านเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว

ด้านนางสาวสันทนา ค้าประโคน อายุ 32 ปี กล่าวว่า รู้สึกเสียดายมาก ได้เลี้ยงไว้เกือบ 30 ปีแล้ว จู่ๆ มาล้มตายจนเกือบหมดคอก ถ้ายังมีรอดอยู่ก็จะเลี้ยงต่อไป แต่ถ้าที่เหลือตายอีกก็คงไม่เลี้ยงแล้ว เนื่องจากไม่มีเงินไปหาซื้อมาเลี้ยงได้อีก

ส่วนนายพิมล อยู่ตรง อายุ 50 ปี ผู้บรรทุกวัวที่ตายเมื่อเช้านี้ มาฝังร่วมกับชาวบ้านรัตนะ 1 ตัว กล่าวว่า ตนเองเลี้ยงวัวไว้ 9 ตัว ตอนนี้ป่วย 2 ตัว และตายไปแล้ว 1 ตัว ตอนนี้ชาวบ้านต่างหวาดผวากลัวโรคระบาด และได้ไล่ต้อนวัวควายไปไว้ที่อื่นหมดแล้ว

ด้านนายอำพันธ์ เวฬุตันติ ปศุสัตว์จังหวัดสระแก้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการควบคุมโรคที่บ้านรัตนะ ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ไม่ให้แพร่ระบาดไปติดวัวควายของผู้อื่น โดย ทำการพ่นยาเพื่อฆ่าเชื้อโรคไม่ให้ระบาดต่อไปในรัศมี 5 กิโลเมตร ฝากถึงเกษตรผู้เลี้ยงวัวควายและให้เฝ้าระวังสัตว์เลี้ยงของตนเองถ้าพบว่าผิดปกติให้แจ้งปศุสัตว์อำเภอและจังหวัดเพื่อทำการักษาให้ทันเหตุการณ์

201611051643441-20030113120213-768x512

นายอำพันธ์ เวฬุตันติ ปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า กระบือตายที่สระแก้วประมาณ 50 ตัวภายใน1สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 31ตุลาคม-5พฤศจิกายน 2559 สาเหตุเกิดจากโรคเฮโมรายิกเซฟติซีเมียหรือโรคคอบวมซึ่งเกิดได้ในโค กระบือ แพะ แกะ แต่กระบือจะมีความไวต่อโรคนี้ สามารถป้องกันโรคได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน สำหรับ กระบือฝูงที่เลี้ยงมีการไล่ต้อนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อาจมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ขั้นตอนดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคจะทำปีละ1ครั้งในเดือนธันวาคมของทุกปี ในรอบปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการเมื่อเดือนธันวาคม 2558 มีกระบือบางส่วนไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเนื่องจากการเลี้ยงไล่ต้อน สัตว์ไม่คุ้นเคยเจ้าหน้าที่และมีความดุร้าย ทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ครบทุกตัว

“ในช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้ร่างกายสัตว์อ่อนแอ มีระดับภูมิคุ้มกันต่ำลง เมื่อได้รับเชื้ออาจเกิดการป่วยและตายได้ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคในโค-กระบือรอบจุดเกิดโรครัศมี 5 กิโลเมตร โดยจะเร่งดำเนินการให้เเล้วเสร็จภายใน 3 วัน”

201611051733032-20030113120213-768x512

ด้านนายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอตาพระยา ได้สั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าสำรวจในหมู่บ้านที่รับผิดชอบและประสานบริเวณใกล้เคียงตรวจสอบว่าโค กระบือที่เจ็บป่วยมีหรือไม่ถ้ามีให้คัดแยกแล้วแจ้งปศุสัตว์มาฉีดวัคซีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค ส่วนที่ยังไม่เจ็บป่วยก็นำมาฉีดวัคซีด เพื่อป้องกันโรค นอกจากนั้นยังให้ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณคอกโคและกระบือ ทั้งหมู่บ้านเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าวและการเข้าออกบริเวณที่เกิดโรคเจ้าหน้าที่เอารางน้ำที่แซ่น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อเอาเท้าลงฆ่าเชื้อแล้วจึงจะผ่านไปได้สำหรับการเคลื่อนย้ายโค กระบือในขณะนี้ต้องห้ามเพราะอาจจะแพร่กระจายเชื้อโรคได้

ข้อมูล มติชนออนไลน์