รายงานมหาดไทยชี้ ชายผูกคอตายเป็น ‘ชาวนา’ ผู้ว่าพิจิตรสั่งการเร่งช่วยเหลือครอบครัว

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.59 เวลา 10.00 น. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร สั่งการให้นางอรนุช ชัยชาญ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รักษาราชการแทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นางสาวกมลวรรณ กำแหง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตร และผู้แทน กกล.รส.จว.พ.จ. ได้เดินทางมาเยี่ยมนางอุบล ปั้นแปลก อายุ 42 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต คือนายศุภกิจ ปั้นแปลก อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอใต้ต้นไม้บริเวณนา สาเหตุการฆ่าตัวตายเกิดจากความเครียดจากภาระหนี้สินจากการกู้สหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด โดยการใช้ที่ดินจำนองเป็นเงินจำนวน 800,000 บาท และหนี้สินจากการกู้ยืมเงินทุนหมู่บ้านจำนวน 50,000 บาท

ประวัติครอบครัว โดยสังเขป

1.สมาชิกในครอบครัว ปัจจุบันมีสมาชิกในครอบครัว จำนวน 5 คน ประกอบด้วย

1.1 นางอุบล ปั้นแปลก อายุ 42 ปี อาชีพทำนา ภรรยาผู้เสียชีวิต

1.2 นายระทม ปั้นแปลก อายุ 72 ปี บิดาผู้เสียชีวิต

1.3 นายเอ นามสมมุติ อายุ 18 ปี บุตรชายผู้เสียชีวิต กำลังศึกษาระดับชั้น ปวส.1 สาขาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์ กรุงเทพฯ

1.4 ด.ญ.บี ปั้นแปลก อายุ 3 ปี 8 เดือน กำลังศึกษาอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.วังสำโรง อ.บางมูลนาล

1.5 นางสาวซี ปั้นแปลก อายุ 21 ปี บุตรติดผู้เสียชีวิตกับภรรยาคนแรก กำลังศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 สาขา รปศ. ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพฯ

2.การประกอบอาชีพครอบครัว มีรายได้จากการทำนา จำนวน 90 ไร่ (เป็นของตนเอง 55 ไร่ เช่า 35 ไร่) ได้ผลผลิตจากการทำนาเป็นข้าว จำนวน 45 เกวียนต่อปี รายได้ต่อปีโดยไม่หักต้นทุน ประมาณ 250,000-300,000 บาท

รายจ่ายในครอบครัว ประกอบด้วย

-ค่าเทอมให้นายเอ บุตรชาย ปีละ 30,000 บาท

-ค่าเทอมให้นางสาวซี บุตรสาวติดภรรยาเดิม ปีละ 20,000 บาท

-ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแต่เดิมผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

ในเบื้องต้น สนง.พมจ.พิจิตร ได้พิจารณาให้การช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน (กรณีพิเศษ) จำนวน 5,000 บาท และบ้านพักเด็กและครอบครัว มอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวขาดแคลน จำนวน 1,000 บาท ทั้งนี้ สนง.พมจ.พิจิตร จะดำเนินการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเงินกองทุนคุ้มครองเด็ก ซึ่งจะได้นำรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กต่อไป และได้ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในสภาวะยากลำบาก จำนวน 2,000 บาท ในส่วนของหนี้สินจะดำเนินการประสานสหกรณ์การเกษตรบางมูลนากเพื่อขอผ่อนผันการชำระหนี้สิน

%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%b202

ที่มา มติชนออนไลน์