เผยแพร่ |
---|
“พาณิชย์” วอนเกษตรกร ที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าว ให้รีบมาขึ้นทะเบียน หวั่นหากมีมาตรการช่วยเหลือออกมา เกษตรกรผู้ปลูกอาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเต็มที่ พร้อมเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือที่ประชุม นบข. ก.ค. 61 นี้
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือไปยังเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวที่มีอยู่ประมาณ 4 ล้านครัวเรือน ให้รีบแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่ปลูกข้าวไปแล้ว 15 วัน และไม่เกิน 60 วัน เพื่อให้คงได้รับสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ทั้งการช่วยเหลือด้านการผลิตและการตลาด โดยเร็วนี้กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2561/62 ให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาในวันที่ 11 กรกฎาคม 2561
สำหรับ ปี 2560 มีเกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียน 4 ล้านครัวเรือน จากที่ข้อมูลที่กระทรวงเกษตรฯ แจ้งไว้ประมาณ 3.7 ล้านครัวเรือน ในปี 2561 นี้ มีแจ้งขึ้นทะเบียนไปแค่ 5.4 แสนครัวเรือน ซึ่งถือว่าน้อยมาก และภาครัฐเองไม่รู้ว่าเกษตรกรปลูกข้าว ปลูกอะไรไปบ้าง ปลูกที่ไหน ทำให้ไม่สามารถวางแผนการช่วยเหลือได้ถูกต้อง จึงขอให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวไปแล้ว ให้รีบไปแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับเกษตรอำเภอ หรือเกษตรจังหวัดโดยด่วน เพราะหากถ้าไม่แจ้ง เวลามีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐออกมา ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งเกษตรกรจะเสียประโยชน์
ทั้งนี้ ในการประชุม นบข. สำหรับมาตรการช่วยเหลือที่จะเสนอนั้น ส่วนใหญ่เป็นมาตรการที่คล้ายกับปีการผลิต 2560/61 เช่น การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกร ไร่ละ 1,200 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 12,000 บาท, สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยจะได้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก ตันละ 1,500 บาท, สินเชื่อให้สถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมหรือแปรรูปข้าว, ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต๊อก, การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก, การเชื่อมโยงตลาดข้าว เป็นต้น
นอกจากนี้ จะมีมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การให้สินเชื่อเกษตรกรเพื่อสร้างยุ้งฉาง เนื่องจากที่ผ่านมา มีโครงการรับจำนำข้าว ทำให้เกษตรกรไม่มีการสร้างยุ้งฉางเพิ่ม หรือที่มีอยู่ก็เก่า ไม่สามารถใช้งานได้ จึงจะมีการให้สินเชื่อกับเกษตรกร เพื่อไปสร้างยุ้งฉางเพื่อเก็บข้าว ในช่วงที่ผลผลิตออกมาก อย่างไรก็ดี สำหรับวงเงินที่จะใช้ในการช่วยเหลือทั้งด้านการผลิตและการตลาด ใน ปี 2561 นี้ จะใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ประมาณ 2 แสนล้านบาท และนอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ก็จะมีมาตรการเพิ่มเติมเข้ามาช่วยเพิ่มเติม ซึ่งก็ต้องรอติดตามรายละเอียดต่อไป