เผยแพร่ |
---|
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการเป็นประธานการประชุมหารือสถานการณ์การออกมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ และการออกมาตรการตอบโต้ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ (สงครามการค้า) กับภาคเอกชน ว่า ได้หารือกับตัวแทน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) และเอกชนผู้ส่งออกสินค้าด้านต่างๆ เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง ยานยนต์ เป็นต้น เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวยังไม่เห็นผลชัดเจนในขณะนี้ แต่จะชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ไปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ทำหน้าที่ในการติดตามไม่ให้มีการสวมสิทธิ์ส่งออกสินค้าจีนผ่านไทยไปสหรัฐ รวมทั้งการทะลักเข้ามาของสินค้าและให้รายงานมาภายใน 10 วัน ส่วนกรมการค้าภายใน (คน.) ให้ติดตามเรื่องการทะลักเข้ามาของสินค้าเกษตร ขณะที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป.) ก็ให้ดูแลไม่ให้มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
นอกจากนี้ ในด้านของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.) ให้เตรียมพร้อมในการเจรจาข้อตกลงทางการค้าต่างๆ เช่น เขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) หุ้นส่วนความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) ก็จะดูแลเรื่องการประสานงานกับภาคเอกชนและทำงานร่วมกันในประเด็นดังกล่าวมากขึ้น รวมทั้งหาตลาดใหม่ๆ
รมช. พาณิชย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน สหรัฐออกมาตรการกีดกันทางการค้า ขึ้นภาษีนำเข้าในสินค้าหลายชนิดและหลายระลอก ได้แก่ สินค้าเครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ ที่อ้างเหตุผลเพื่อปกป้องคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศ สินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม อ้างเรื่องความมั่นคงของประเทศ และสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งการขึ้นภาษีสินค้าเทคโนโลยีฯ จะใช้กับจีนเท่านั้น โดยสหรัฐอ้างว่า จีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อออกมาตรการสำหรับสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก็เริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐต่อการส่งออกของไทยแล้ว โดยมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้ไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐได้น้อยลง เปรียบเทียบมูลค่าส่งออกในช่วง 5 เดือนแรก ของปีนี้กับปีก่อนหน้า พบว่ามูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ลดลงมากกว่า 30% และ 50% ตามลำดับ นอกจากนี้ สินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ก็มีแนวโน้มว่าจะส่งออกไปสหรัฐลดลงเช่นกัน สำหรับมาตรการที่ใช้กับสินค้าในกลุ่มทรัพย์สินทางปัญญาฯ ของจีน จะเริ่มบังคับใช้ในเดือนก.ค. ซึ่งจากการประเมินของกระทรวงพาณิชย์ ในภาพรวมแล้วไทยยังไม่ได้รับผลกระทบทางลบ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประเมินว่า สงครามทางการค้าที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดการปรับรูปแบบ และโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบมีแรงจูงใจแสวงหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพการค้าในระยะยาว จากการศึกษาวิเคราะห์ของ สนค. พบว่า โดยรวมแล้วไทยจะยังได้ประโยชน์จากส่งสินค้าไปขายทดแทนได้ เช่น สินค้ายานยนต์และส่วนประกอบ ไทยมีโอกาสส่งออกเพื่อทดแทนจีนในตลาดสหรัฐ รวมถึงส่งออกทดแทนสหรัฐในตลาดจีนมากขึ้น สินค้าเกษตร อาทิ มันสำปะหลัง มะพร้าว ชิ้นส่วนสัตว์ปีก ไทยมีโอกาสส่งออกสินค้าไปยัง 4 ประเทศ ที่ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ ได้แก่ จีน แคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป ปลาปรุงแต่ง เนื้อสัตว์และส่วนประกอบ มีโอกาสทดแทนสินค้าจากสหรัฐในตลาดจีนและแคนาดา
ที่มา : ข่าวสดออนไลน์