ผู้เขียน | มานพ อำรุง |
---|---|
เผยแพร่ |
“มองเห็นไฟไหม้บ้องเป็นควัน ดังหนึ่งเมฆสวรรค์ มีตะเกียงนั้นเหมือนจันทร์ส่อง ยามจะนอนกายกอดประคอง มีคู่สุดรักคือบ้อง ชวนให้ฉันปองคือบ้องกัญชา…ฯลฯ”
ได้ฟังท่อนหนึ่งของบทเพลง ลองตามหาชื่อเพลง และชื่อผู้ขับร้อง โดยเข้าไปใน Google หาใน You tube ก็ไม่พบ แต่สิ่งที่ได้มาแทนคือ เนื้อร้องทำนองเพลงที่หลากหลาย ของเหล่าศิลปินที่เคลิ้มฝันทั้งอารมณ์และน้ำเสียง ชี้ชวนให้รู้จัก “ควันเพชรฆาต” ที่ควรจะหลีกทางให้ล่องลอยไปสุดไกล ผ่านเสียงเพลงที่เขาเหล่านั้นขับขาน เช่น
เพลง กระท่อมกัญชา (มาลีฮวนน่า) “แดนนี้มีต้นกัญชา ปกคลุมแน่นหนา ใบกัญชาป่านี้สะพรั่ง ฯลฯ”
เพลง คนบ้ากัญชา (คำรณ สัมบุญณานนท์) “ฉันบ้ากัญชาจนหูตาลาย เห็นหมูตัวโตเท่าควาย ฯลฯ”
เพลง บ้องกัญชา (กาเหว่า เสียงทอง) “ลาเอ๋ยลา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา…ฯลฯ”
เพลง คาราบาวชวนชาวลาวปลูกกัญชา
เพลง คัมภีร์กัญชา (นาคอน)
เพลง น้ำตากัญชา (วงคาถา)
เพลง แอมเฟตามีน (เอนก ควนขนุน)
เพลง เส้นทางขี้ยา (เทพ ภูผา) “คิดทบทวนถึงวันเวลาที่ผ่าน กับการค้นหาสัจจะแห่งความเมา อยากจะลองอยากจะรู้ ถลำล้มเข้าคว้าโลมลูบเงาจากความสุขมายา ความมืดมิดเริ่มโรยตัวโทษา รู้สึกตัวเมื่อสายกลายเป็นคนไร้ค่า เหลือเศษชีวิตกับคำประณามเรื่อยมา โอ้สิงห์ขี้ยาหลับตาใจหวาดระแวง…ฯลฯ”
เพลง ฆาตะกัญชา (อ.ไข่ มาลีฮวนน่า)
เพลง กัญชา (โรเบิร์ต สายควัน) “…คราบรอยยิ้มยังเต็มตามใบหน้า กลิ่นกัญชาโรยมาแต่ไกล ชั่วชีวิตคิดสั้นทำไม เสพสิ่งจูงใจให้ร้ายแก่ตัวเราเอง…ฯลฯ”
เป็นเพียงตัวอย่าง ชื่อเพลงที่กล่าวถึง “สมุนไพรใบสีเขียว โอสถลวงจิต” ที่หากรับฟังได้ยินแล้วจะเลือกที่จะ “เลิกเสพ เลิกคบ เลิกใฝ่หา…ปล่อยควันไปสุดตา”
สำหรับผู้ที่สุนทรีย์กับบทกลอน ก็ขอนำเพียงเศษเสี้ยวแต่ละบทมาเสนอ
…ติดบุหรี่ มะเร็ง เร่งเข่นฆ่า ติดสุรา ตับแข็ง แห้งเหี่ยวได้
ติดพันรักร้อนรุ่ม ดุจสุมไฟ ติดอะไรไม่สิ้นคิดเท่าติดยา ฯลฯ
…ใครเป็นทาสยาเสพติดชีวิตวอด หนีไม่รอดตีบตันด้วยปัญหา
คนรังเกียจหยามหมิ่นสิ้นศรัทธา แม้หมูหมายังเมินมิเดินเคียง ฯลฯ
เป็นส่วนหนึ่งของบทกลอนจากชุมชนชาวกวีบ้านกลอนไทย มหันตภัยยาเสพติด โดย “สุนทรวิทย์” เขียนไว้เมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2555 กว่า 6 ปีมาแล้ว แสดงว่าส่วนหนึ่งของสังคมยังอยู่ในวังวนของยาเสพติด ซึ่งเราไม่อาจทราบชัดเจนว่าจุดเริ่มต้นของสิ่งเหล่านี้มีมาตั้งแต่เมื่อใด ปัจจุบัน เรายังรู้ยังเห็นได้อยู่ แต่สิ่งที่เราไม่อาจรู้เลยคือสิ่งเหล่านี้ จะหมดหดหายไปจากสังคมนี้เมื่อไร
มีบทกลอนและบทเพลงมากมายที่มาจากการได้พบรู้เห็นพฤติกรรมการเสพยา ซึ่งในวงการคงจะหาไม่ยากนักที่จะสัมผัสอารมณ์แล้วเปลี่ยนเป็นอักษรวรรณกรรม ใส่ทำนองขับเป็นเสียงร้องออกมาด้วยความปรารถนาดีที่จะให้สิ่งต้องห้ามเหล่านั้นลอยไปกับกลุ่มควัน หายไปในอากาศโดยไม่ทิ้ง “กลิ่นกรุ่น” ให้รุ่นหลังได้รับรู้
ในฉบับที่ผ่านมา ได้กล่าวถึงพฤกษาที่จัดไว้ในกลุ่ม “พฤกษาฆาตะ” อยากจะให้สมญานามว่า “ฆาตกรใบเขียว” แต่คงจะไม่ถูกต้องแน่ๆ เพราะโลกเราอยากได้ “สีเขียว” เป็นเอกลักษณ์ของความสดชื่น เจริญให้ความสุขยั่งยืน แต่ก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า สารออกฤทธิ์จากใบไม้เขียวหลายชนิด มีบทบาทที่ทำให้ “ผู้เสพ” นำไป “ปรุงจินตนาการ” มากกว่านำไป “ปรุงโภชนาการ” ดังนั้น ในฉบับนี้จึงอยากจะ “ปลูก” พฤกษาต้องห้ามเหล่านั้นให้ผลิดอกออกใบ นำมาใช้เป็นพฤกษาโภชนาการจริงๆ โดยขออนุญาตใช้ “บทกลอน และบทเพลง” เป็นนั่งร้าน เป็นเสาค้ำให้มันเลื้อยแผ่ไปทุกที่ แล้วมีคนมา “เสพ” บทกลอน และบทเพลงเหล่านี้ แทนการ “เสพยา”
ลองค้นคว้าหาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดผ่านบทกลอนและบทเพลง พบว่า มีมากมายที่ให้ความหมายข้อคิดดีๆ เตือนใจ เตือนสติ หากใครได้อ่านแล้ว น่าจะมองเห็นภาพที่พึงปฏิบัติโดยไม่ต้องจินตนาการ จึงขอนำมาฝากเป็นบรรณาการที่จะเผยแพร่ต่อไป หรือถ้าถูกใจบทเพลงก็จะมีสิทธิ “เสพเพลง” เหล่านี้ได้เป็นดนตรีชีวิตอย่างสดชื่น
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน มีหลายหน่วยงานได้จัดเป็น “วันรำลึกครูกลอนสุนทรภู่ และวันต่อต้านยาเสพติด” ถ้าหากมีคำถามว่า ท่านกวีสุนทรภู่ ต่อต้านยาเสพติดจริงหรือ มีบทกลอนที่เขียนไว้ใน www.klonthaiclub.com โดย “ธาตรี” ได้ให้คำอธิบายแทนคำตอบของท่านสุนทรภู่ ไว้ว่า
ถึงอาลักษณ์ขี้เมาและเจ้าชู้
หรือจะอยู่อย่างไพร่ไร้เคหา
หลายผู้คนชอบชมคมวาจา
อีกหลายคนก็ว่าขี้ยาเมา
หากท่านภู่ครูกลอนท่านย้อนถาม
คนประณามใส่ร้ายไม่อายเขา
อันวิสัยมนุษย์นี้มีนานเนา
ล้วนดื่มเหล้าเจ้าชู้ประสาชาย
แต่ยาสูบฝิ่นม้ายาเสพติด
ไม่เคยคิดลุ่มหลงประสงค์หมาย
ใครหลงผิดคิดสั้นอันตราย
โทษถึงตายจบชีวิตเพราะฤทธิ์ยา
ท่านภู่สิ้นแสดงออกบอกไม่ได้
แต่ขอให้วันกำเนิดบังเกิดผล
ในวันที่ ยี่สิบหกมิถุนายน
ให้เริ่มต้นรณรงค์จงกลับใจ
เลิกเสพ เลิกค้า ยาเสพติด
เหมือนได้เริ่มลิขิตชีวิตใหม่
คิดได้เมื่อภัยมาชราวัย
ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่? คงสายเกิน
จากต้นรัตนโกสินทร์ สองร้อยกว่าปีมาแล้ว ยาเสพติดเป็นที่รู้จักกันแล้วกระนั้นหรือ?
มีบทกลอนใน You tube โดย วจี รินตัน โพสต์ไว้เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2557 โดยอ่านกลอนเยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด ไว้
ขึ้นต้นแนะนำตัวเองว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ นางสาววจี รินตัน รหัส 5504582 คณะศิลปะและการออกแบบ สาขาออกแบบภายใน มหาวิทยาลัยรังสิต ในรายวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ในวันนี้ดิฉันจะมาอ่านกลอนในหัวข้อเรื่อง เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด (อ่านกลอนทำนองเสนาะ)
หากข้าวกล้าในนาเลี้ยงต้องเสี่ยงโรค
ยากเกิดโภคผลงามตามที่หมาย
สิ่งแวดล้อมเลวจักพาข้าวกล้าตาย
ส่งผลร้ายต่อกำลังของสังคม
เยาวชนดุจต้นกล้ากลางนาไร่
ปลูกด้วยใจเลี้ยงด้วยรักจักงามสม
จำเริญวัยในวิถีที่น่าชม
พึงเพาะบ่มคุณธรรมนำชีวิต
พ่อช่วยแก้แม่ช่วยเกื้อทำเพื่อลูก
นำทางถูก สอนสิ่งดีหนีสิ่งผิด
รู้เหลี่ยมภัยหลบหลุมพรางห่างเภทพิษ
ยาเสพติด ที่พาให้ตายทั้งเป็น
ฝึกวินัยใฝ่เรียนรู้ตามครูสอน
อย่ามักง่ายใจร้อนจักนอนเข็น
รักดนตรีพาให้ใจร่มเย็น
อยากมองเห็นกายแกร่งแข่งกีฬา
คบมิตรแท้ ห่างไกลอบายมุข
สรรสิ่งสุขมุ่งตามฝันอันสูงค่า
สร้างโรงเรียนสีขาวพริ้งแพรวตา
ภูมิปัญญาเพิ่มประโยชน์พ้นโทษภัย
รักษาชาติหยุดปัญหายาเสพติด
รักชีวิตเทิดศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่
ยุทธศาสตร์ พลังแผ่นดินทั่วถิ่นไทย
โลกรับรู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ติดยา
ถ้าหากเยาวชนท่องบทกลอนนี้ ทำเป็นบทเพลงไป “เสพ” ก็คงจะมีสุขอีกมากมาย
มีบทเพลงกล่าวถึง “ยา” ที่หลายคน “ติด” ไม่ว่าจะติดใจ หรือติดกาย แต่บทเพลงก็ให้ข้อคิดมากมาย และมีหลายบทเพลงดังที่เคยกล่าวไว้ ไม่ได้หมายความว่าจะ “ปฏิบัติตามเพลง” แต่ต้องเลือก หรือ “เลิก” ไม่ต้องให้เพลงพาไป ดังนั้น แม้แต่เพลงก็อาจจะต้อง “เลือกเสพเพลง” โดยใช้ “วิจารณญาณ” เช่นกัน
เพลง กัญชากับลม
ศิลปิน สิทธิ์มณี ปากนัง
(ดนตรี กีตาร์ ประกอบเพลง)
เนื้อร้อง-ทำนอง โดย ประสิทธิ์ แก้วมณี (9 มกราคม 2016)
สายลมพัดเอา ควันขาวล่องลอยใจฉันตามคล้อยฟังลมกระซิบ มองดูกิ่งไม้อ่อนไหวไหวเอน หลับตาฟังเป็นทำนองบทเพลง ธรรมชาติสร้างสรรค์สร้างทำนองจังหวะคล้องจอง ทำนองสร้างสรรค์ ฟ้าส่งเธอมา เธอมาคู่ฉัน เราอยู่ด้วยกัน กับฝันเปลี่ยนลา โอ้เจ้าสายลม พัดกลิ่นเจ้าลอยเมฆขาวก้อนน้อย หอมกลิ่นชื่นชม สูดดมกลิ่นเจ้า ตัวเบาดังลม ล่องลอยสุขสม กัญชากับลม ประโลมจิตใจ
เพลง ชายติดยา
ศิลปิน วงกินรี (ดนตรีกีตาร์ ประกอบเพลง)
คำร้อง-ทำนอง สมชาย แซ่ด่าน
พี่แอบรักน้องหญิง รักจริงไม่แพ้คู่ใคร น้องจะชอบพี่ไหม พี่ชายเป็นชายติดยา บอกว่ารักน้องจริง ไม่ทิ้งน้องให้เสียใจ น้องจะเชื่อพี่ไหมพี่ชายไม่เคยหลอกลวง ถึงพี่จะติดยาเพื่อน้องนาพี่ขอลืมสิ้น จะขอเป็นชายติดดิน เพราะรักหญิงพี่จึงเลิกยา ยาพี่ก็เลิกแล้ว น้องแก้วก็ยังไม่เชื่อ แล้วน้องจะเชื่อพี่ไหม พี่บ่าวเลิกยาก็เพราะเธอ อดีตของชายติดยา ถึงเลิกยาใครเขาจะเชื่อ ไม่มีอะไรจะเหลือ เพราะพี่เป็นชายติดยา
เพลง มนต์กัญชา
ศิลปิน ยิญชัย ปาหณัณ
คำร้อง-ทำนอง ศรวิษฐ์ แสงนวล
นอนบายในหนำหลังน้อย จิตใจล่องลอยป่ายปีนตามสายฝัน คืนนี้มืดมิดไร้ดวงจันทร์ แต่สวรรค์พาใจไปสู่วิมาน รอยยิ้มเอิบอิ่มบนใบหน้า กลิ่นกัญชาโชยมายังไม่จางหาย ควันลอยคละคลุ้งไม่ห่างกาย สัตว์น้อยเกือบตายเมามายจากสิงห์อมควัน พอสร่างหายเมาเริ่มเตรียมเขียง คลุกเคล้าเครื่องเคียงบุหรี่ช่อดอกกัญชา ยำมันลงไปอย่าช้า หยิบบ้องขึ้นมาใส่กัญชาอัดให้เต็มพวย กัญชา กัญชา กัญชา
เร่งจุดไฟสูบกัญชาเถิดผองเรา ดูดให้เมาสุขเปรมปรีดิ์ชื่นวิญญาณ ผลัดกันเสพเวียนทุกคนเมาให้คลาน ไฟเผาผลาญน้ำพุ่งพล่านแม่ยอดกัญชา
ร่างกายเสื่อมโทรมชอบของหวาน หัวเราะชื่นบานฤทธิ์ยาพาใจเลื่อนลอย ความคิดสับสนจิตเสื่อมถอย เรี่ยวแรงเริ่มเหลือน้อย ร่างกายอ่อนแอ กลิ่นสาบกัญชายังหลอกหลอน มันคอยบั่นทอนร่างกายจิตใจ ก้าวล้ำไปแล้วถอนตัวอย่างไร อารมณ์อ่อนไหว เพราะใจต้องมนต์กัญชา ยอดกัญชา ยอดกัญชา ยอดกัญชา ดอกกัญชา ช่อกัญชา ต้องมนต์กัญชา
บทเพลงนี้คงจะเป่ามนต์ให้ควันกัญชา ลอยล่องห่างไกลได้ จากคำร้องช่วงหนึ่งที่ว่า “ร่างกายเสื่อมโทรมชอบของหวาน หัวเราะชื่นบาน ฤทธิ์ยาพาใจเสื่อมลอย ความคิดสับสนจิตเสื่อมถอย เรี่ยวแรงเริ่มเหลือน้อย ร่างกายอ่อนแอ…มันคอยบั่นทอนร่างกาย จิตใจ ฯลฯ” ก็ขอให้กลิ่นสาบกัญชาต้องมนต์ด้วย
เพลง เสพติด
ศิลปิน สันติภาพ
เหม่อมองให้ไกลไปสุดขอบฟ้า อนาคตเรามีอีกมากมาย ใจถูกครอบงำเพราะเสพสิ่งร้าย ทำลายร่างกายจิตใจ อาจมีหลายคนเจอความผิดหวัง อาจมีเพื่อนรักชักขวนทดลองเสพยาเข้าไป แล้วหายเศร้าหมอง ปลดทุกข์ใจของฉันหลุดลอยไป
สูบม้า ดูดกัญชา ฉีดเฮโรอีน ดมทินเนอร์ ประชดประชัน เพื่อลืมคืนวันเลวร้าย สุขใจช่างสุขกาย ด้วยตัวยาตัวนี้ บัดนี้ บัดนี้ ต้องตกเป็นทาสมัน
จิตใจมั่นคงและเคยเข้มแข็ง กลับหมดเรี่ยวแรงเพราะฤทธิ์ยา กลับใจมั่นไว้เร็วไวเถิดหนา ก่อนที่ชีวาคุณหมดความหมาย
…อาจมีหลายคนเจอความผิดหวัง อาจมีเพื่อนรักชักชวนทดลอง ห้ามใจเราไว้ไม่ให้ลิ้มลอง ก่อนที่ตัวของคุณหมดความหมาย
ยังมีบทเพลงอีกมากมายที่ชวนสะท้อนใจ มองเห็นใบไม้สีเขียวใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร รวมทั้งบทเพลงที่จะเลือกเสพ หรือเลือกที่จะใช้สติตริตรองเนื้อหาในบทเพลงแล้วนำมา “ปลุกจิตสำนึก” พึงระลึกถึงสิ่งควรจินตนาการ
หากยังไม่อิ่มในบทเพลงก็ลองเข้าไปใน You tube แล้วหาฟังเพลงเหล่านี้ เราก็จะได้ชี้ชวนให้ลูกหลานเรา “เลือกเสพ” เลือกเพลงที่จะปฏิบัติตาม
สำหรับนักอ่านที่หลงใหล “พญาอินทรีย์แห่งสวนอักษร” ลองหาอ่าน “หลงกลิ่นกัญชา” จากปลายปากกาของ “รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม)” ถ้าเปิดเรียนวิชาบุปผาชนศึกษา 101 จะทำให้เรารู้จัก Hippie movement ของเหล่าบุปผาชนที่บานสะพรั่ง ตั้งแต่ยุค พ.ศ. 2511 แล้วจะได้รู้ว่า ถ้าเสพกัญชาเป็นที่พึ่งททางใจ หรือต้องหลีกให้ไกล “สมุนไพรฆาตกร”