ยาสูบกระเป๋าแฟบ เลิกซื้อใบยา ชาวไร่โอด กระทบหนัก-อ้อนรัฐยื่นมือช่วย

“ยาสูบ” ยันเลิกแจกโควต้ารับซื้อใบยาสูบ แจงเหตุ “ยอดบุหรี่ร่วง-สต๊อกล้น” 7 ปี อ้างผลพวงจากโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เกษตรกรโอดรายได้หาย 2 พันล้าน หนี้สินรุงรัง หวั่นกระทบเป็นลูกโซ่

 

นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ ยสท. คงไม่สามารถแจกโควต้ารับซื้อใบยาสูบรอบปี 2562 ให้แก่เกษตรกรได้เหมือนกับทุกปีที่จะแจกโควต้าช่วงเดือน ก.ค. เพื่อที่เกษตรกรจะเริ่มเพาะปลูกในเดือน พ.ย. แล้วก็ซื้อขายกันในปีถัดไป เนื่องจาก ยสท. ไม่มีเงินที่จะรับซื้อใบยาสูบ ที่ปกติต้องใช้ปีละกว่า 2,000 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำ เนื่องจากยอดขายบุหรี่ที่ตกลง หลังโครงสร้างภาษียาสูบใหม่ ต้องผลิตลดลง และมีสต๊อกใบยาสูบเหลือจำนวนมาก

“ตอนนี้สต๊อกเหลือมาก มีถึง 5-7 ปี จากปกติควรมีสต๊อกแค่ 18 เดือน ในทุกชนิดใบยา หรืออย่างมากสุดต้องไม่เกิน 24 เดือน แต่พอเกินเราก็ต้องมาตรวจว่าเสื่อมสภาพหรือไม่ ถ้าเสื่อมก็ต้องทิ้ง และอาจถูก ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ตรวจสอบ” นางสาวดาวน้อย กล่าว

ก่อนหน้านี้ นางสาวดาวน้อย ระบุว่า ผลดำเนินงานปีงบประมาณ 2561 นี้ ยสท. จะประสบภาวะขาดทุนแน่นอน แม้ช่วง 6 เดือนแรก (ต.ค. 2560-มี.ค. 2661) จะมีกำไรประมาณ 200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับอดีตที่จะมีกำไรตก เดือนละกว่า 700 ล้านบาท

ขณะที่ นายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการ ยสท. กล่าวว่า ในฤดูกาลเพาะปลูกปีนี้ ก็ต้องแจ้งชาวไร่ยาสูบว่า เราไม่มีโควต้ารับซื้อรัฐบาลต้องหาวิธีช่วยเกษตรกร

นายอรุณ โปธิตา ตัวแทนชาวไร่ยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนีย จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การงดการรับซื้อยาสูบจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างมาก เนื่องจากใบยาสูบนั้นถือเป็นรายได้หลักของเกษตรกร คาดว่าปีนี้ความเสียหายของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศน่าจะสูงถึง 2,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเกษตรกรชาวไร่ยาสูบในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่คาดว่าจะสูญเสียรายได้มากถึง 1,000 ล้านบาท และเฉพาะกลุ่มเกษตรกรไร่ยาสูบในเชียงใหม่ จะสูญเสียรายได้ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจุบัน เกษตรกรหลายรายก็มีภาระหนี้สินจากการกู้เงินจากธนาคารมาสร้างเตาอบใบยา ราคาเตาละประมาณ 500,000 บาท

Advertisement

แหล่งข่าวจากสมาคมผู้บ่มใบยาสูบ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้ข้อมูลว่า การงดรับซื้อใบยาสูบโดยอ้างเรื่องใบยาสูบเก่ายังคงค้างสต๊อกเป็นจำนวนมาก จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบประสบความเดือดร้อนหนักและกระทบเป็นทอดๆ ตั้งแต่ผู้ปลูก ลูกจ้าง และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ มีเกษตรกรปลูกใบยาสูบเป็นบริเวณกว้าง เฉพาะภาคเหนือตอนบนก็มีรวมกันกว่า 67,977 ไร่ จำนวนเกษตรกรกว่า 15,500 คนแล้ว โดยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา แพร่ และน่าน นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรอีกหลายจังหวัดในภาคอีสานที่ปลูกยาสูบ อาทิ จ.นครพนม หนองคาย เพชรบูรณ์ สุโขทัย ร้อยเอ็ด เป็นต้น

 

Advertisement

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์