สมาคมชาวไร่แฉเหลี่ยมโรงงานสับปะรด

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายสุรัตน์ มุนินทรวงศ์ นายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย ในฐานะรองประธานสภาเกษตรกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ภาพรวมสับปะรดล้นตลาดในพื้นที่ 29 จังหวัดทั่วประเทศเริ่มคลี่คลาย เนื่องจากส่วนใหญ่เกษตรกรปล่อยให้ผลผลิตเน่าคาไร่ หรือบางส่วนนำไปเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากราคาจำหน่ายหน้าแผงรับซื้อไม่คุ้มกับต้นทุนการเก็บเกี่ยวที่กิโลกรัม (กก.) ละเกือบ 5 บาท ส่วนการจัดซื้อสับปะรดผลสดของหน่วยงานรัฐหรือองค์กรเอกชนเพื่อนำสินค้าไปกระจายเพื่อจำหน่ายและแจกฟรีในจังหวัดที่ไม่ได้ปลูกสับปะรดก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้พอสมควร แต่ล่าสุดทราบว่าสับปะรดผลสดมีน้อยและมีสภาพแก่จัดเสี่ยงกับการเน่าเสีย ทำให้ไม่สามารถเก็บได้หลายวัน  นอกจากนั้นทราบว่าขณะที่ผลผลิตมีน้อยลงโรงงานสับปะรดกระป๋องในจังหวัดได้เพิ่มโควต้าเพื่อให้เกษตรกรนำผลผลิตไปจำหน่ายได้ โดยปรับราคาขึ้น กก.ละ 20 สตางค์ ทำให้ราคาหน้าโรงงานปรับขึ้นเฉลี่ย กิโลกรัมละ 2.20-2.50 บาท

“หลายฝ่ายได้แสดงความแปลกใจ หลังจากโรงงานบางแห่งมีข้ออ้างไม่รับซื้อช่วงผลผลิตล้นตลาดก่อนหน้านี้ โดยแจ้งว่าโรงงานไม่มีสต๊อกเก็บสับปะรดกระป๋อง แต่ปัจจุบันเมื่อสับปะรดมีน้อยกลับซื้อไปผลิตเพิ่ม ก่อนปิดโรงงานช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ กรณีนี้ได้สอบถามในที่ประชุมคณะกรรมการไตรภาคีระดับจังหวัดแล้ว แต่ไม่มีคำตอบชัดเจน และส่วนตัวไม่มั่นใจว่าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเคยเข้าไปตรวจสอบสต๊อกตามที่โรงงานอ้างว่าไม่มีสถานที่จัดเก็บเพื่อรอการส่งออกจริงหรือไม่” นายสุรัตน์ กล่าว

นายชาตรี จันทร์วีระชัย นายอำเภอกุยบุรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ปลูกสับปะรดบริเวณใกล้แนวเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีเกษตรกรบางรายปล่อยไร่สับปะรดทิ้งร้าง โดยไม่เก็บเกี่ยวผลผลิต เนื่องจากไม่คุ้มกับราคาจำหน่าย ล่าสุดได้แจ้งเตือนผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขอความร่วมมือให้เจ้าของไร่เก็บผลผลิตสับปะรดออกจากพื้นที่ทั้งหมด หากไม่ประสงค์จะทำไร่สับปะรดอีกขอให้ปรับสภาพพื้นที่โดยไถต้นเก่าทิ้งทั้งหมด เนื่องจากจะมีปัญหาหากโขลงช้างป่าเข้ามากินสับปะรดและอาจทำลายพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นในบริเวณใกล้เคียง

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน