ผู้แทนสหกรณ์โคนม ร้องสภาเกษตรกรแห่งชาติ หากคงเกณฑ์ภาษีตามเดิม เกษตรกรไปไม่รอด

ในการประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2561 เมื่อ วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ผู้แทนสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ ขอเข้าพบ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อนำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม จากกรณีการออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 629) พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้เงินได้เกษตรกรหักค่าใช้จ่ายเหมาได้ไม่เกินอัตรา ร้อยละ 60 ซึ่งประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้ให้ผู้แทนสหกรณ์โคนมจากอำเภอไชยปราการ อำเภอแม่วาง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่, สหกรณ์โคนมจากอำเภอสีคิ้ว อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา, สหกรณ์โคนมจากลำพญากลาง จังหวัดสระบุรี, จังหวัดลพบุรี, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสนอเรื่องนี้เข้าพิจารณาในการประชุม โดย นายสมพงษ์ ภูพานเพชร ตัวแทนสหกรณ์โคนม เข้าชี้แจงว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเดือดร้อนมากจากเรื่องภาษีที่กรมสรรพากรกำหนดให้หักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 60 ในส่วน 40 นำไปคำนวณภาษี พอเงินค่าน้ำนมออกเกษตรกรถูกหักค่าอาหารรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ บางคนไม่เหลือเงินเลย จึงต้องติดหนี้ภาษีที่ถูกจัดเก็บ ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงมากกว่าที่กรมสรรพากรกำหนด โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเคยสำรวจข้อมูลที่พบว่า นมผง 1 กิโลกรัม ต้นทุนประมาณ 15 บาท ในขณะที่ราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 18 บาท คิดเป็น ร้อยละ 83 มากกว่าที่กรมสรรพากรกำหนด เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมต้องมีต้นทุนโรงเรือน ต้นทุนค่าซื้อโคนม ซึ่งแต่เดิมคำนวณที่ ร้อยละ 85 เกษตรกรพอรับได้ แต่ขณะนี้เดือดร้อนมาก การกำหนดให้นำหลักฐานมาประกอบการหักค่าใช้จ่ายในปัจจุบันยังเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการซื้อฟาง, ข้าวโพด, มันสำปะหลัง จากเกษตรกรไม่มีบิล เพราะไม่เคยได้ใช้ แล้วจะมีหลักฐานได้อย่างไร อีกเรื่องที่น่ากังวลคือ การเข้าสู่เขตการค้าเสรี หรือ FTA โดยใน ปี 2568 นมผงนำเข้าไม่ต้องเสียภาษี แต่เกษตรกรไทยต้องเสียภาษี แน่นอนว่าจะส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไปไม่รอด เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้ จึงมาร้องเรียนให้สภาเกษตรกรฯ ช่วยเหลือ

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้กล่าวว่า เรื่องนี้สภาเกษตรกรแห่งชาติได้เคยทำหนังสือเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ภาครัฐยังคงกำหนดค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายของเกษตรกรที่ ร้อยละ 85 ก่อนนำไปคำนวณภาษี โดยนายกรัฐมนตรีมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาและกรมสรรพากรได้ชี้แจงการคงหลักเกณฑ์ว่า เกษตรกรสามารถนำหลักฐานมาประกอบการหักค่าใช้จ่ายจริงได้ แต่ประเด็นคือ เกษตรกรจะนำหลักฐานเอกสารมาจากไหน ตามที่ตัวแทนสหกรณ์โคนมได้ชี้แจง ซึ่งในที่ประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติได้สรุปว่า ยืนยันจะดำเนินการช่วยเหลือความเดือดร้อนของเกษตรกรในครั้งนี้ตามบทบาทหน้าที่ของสภาเกษตรกรแห่งชาติด้วยขั้นตอนการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกครั้ง นัดเครือข่ายเกษตรกรมาหารือถึงแนวทางการหาทางออกภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ผลการหารือจะนำสู่การขับเคลื่อนพร้อมกันทั่วประเทศและจัดแถลงข่าวเพื่อให้เกษตรกรได้รับรู้ทั่วกัน